การประชุม Central Economic Work Conference (CEWC) ของผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลจีนเพื่อวางแผนงานด้านเศรษฐกิจของจีนในปี 2568 ที่จัดขึ้นวันที่ 11-12 ธ.ค. 67 ระบุว่า ในปี 2568 ทางการจีนจะให้ความสำคัญกับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ซึ่งจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินและการคลัง มีรายละเอียดที่สำคัญคือ
ด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางจีนจะยังดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และสัดส่วนสำรองการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirement Ratio) ลงในเวลาที่เหมาะสม
ขณะที่นโยบายการคลัง จะเพิ่มเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณทางการคลังต่อ GDP จากเดิมที่รักษาระดับไว้ที่ประมาณ 3% ต่อ GDP รวมถึงเพิ่มการออกพันธบัตรระยะยาว และพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่น
นอกจากนี้ ยังมี “แคมเปญพิเศษ” สำหรับกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ แต่ยังไม่ระบุถึงรายละเอียดเพิ่มเติม
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า รายละเอียดดังกล่าวถือเป็นการเน้นย้ำว่า ในปี 2568 จีนพร้อมใช้นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก และมีทิศทางการผ่อนคลายนโยบายเงิน แบบขยายตัวระดับกลาง (Moderately loose monetary policy stance) สอดคล้องกับการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Politburo) เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 67 เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจจีนในปี 2568 ที่จะเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้ารอบใหม่จากสหรัฐอเมริกา
ขณะที่ IMF เชื่อว่า “จีน” จะเป็นแกนหลักผลักดันเศรษฐกิจโลกในอีก 4 ปีข้างหน้า การเติบโตของ GDP จะมีค่าเป็น 2 เท่าของสหรัฐฯ