คำกล่าวของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในวาระส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2025 ผ่านสถานีโทรทัศน์ CCTV ชัดเจน เด็ดเดียว และยึดมั่นในหลักการ ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงว่า “จีนกับไต้หวัน เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่มีใครสามารถตัดความผูกพันของเรา และไม่มีใครหยุดยั้งการรวมชาติได้”
ความผูกพันของ “จีน” กับ “ไต้หวัน” ลึกซึ้งเกินกว่าผู้นำไต้หวันคนไหนจะกล้าเปลี่ยนแปลง แม้แต่ “ไล่ชิงเต๋อ” ซึ่งถูกปักกิ่งมองในฐานะ “พวกแบ่งแยกดินแดน”
การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ไต้หวัน ของ ไล่ชิงเต๋อ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2024 กลับกลายเป็นการสร้างความตึงเครียดรอบเกาะไต้หวัน เนื่องจากไล่ถูกมองว่า มีเจตนาสนับสนุนการแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีน กลายเป็นผู้นำไต้หวัน ที่ถูกตั้งคำถามว่า เข้ามานำพาสันติภาพ หรือทำลายสันติภาพ เป็นผู้ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน หรือเปล่า?
ไช่ชิ่งเต๋อ แสดงปฏิริยาท้าทายต่อปักกิ่งอย่างเห็นได้ชัด โดยการเดินทางการเยือนแปซิฟิก แวะพักในฮาวายและเกาะกวมของสหรัฐ สอดรับกับการที่สหรัฐ ยังคงขายอาวุธแก่ไต้หวันอย่างต่อเนื่อง แม้จีนจะออกมาตรการคว่ำบาตรเหล่าบริษัท ผู้จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ไต้หวัน พร้อมส่งเสียงเตือนรัฐบาลสหรัฐ ให้หยุดการแทรกแซงดังกล่าว แต่ก็ไม่เป็นผล
สหรัฐยังคงให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลไต้หวัน ในรูปแบบต่างๆ ผสมกับการปลุกเร้าคนรุ่นใหม่ ให้แยกตัวออกจากจีน กระทั่งมีคำถามจากนานาชาติว่า เป็นการประทำที่ถูกต้องหรือเปล่า เพราะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กำลังคุกรุ่นเวลานี้ สะท้อนภาพชัดเจนว่า ผลลัพธ์จากการแทรกแซงของอิทธิพลจากภายนอกนั้น ได้ไม่คุ้มเสีย
การปล่อยให้อเมริกาเข้ามาแทรกแซง ปลุกระดมกลุ่มแบ่งแยกดินแดน เพื่อเอกราชของไต้หวัน หวังใช้เป็นเครื่องมือจำกัดอิทธิพลของจีน กำลังลากไต้หวันเข้าสู่สถานการณ์อันตราย ซึ่งกองทัพปักกิ่งพูดชัดเจนว่า..ใครคิดแยกไต้หวันจากจีน ต้องพบจุดจบด้วยการทำลายตัวเอง
การซ้อมรบใหญ่รอบเกาะไต้หวันของจีน ในปี 2024 เป็นสัญญาณเตือน ถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสม ของผู้นำไต้หวันคนปัจจุบัน ที่มีพฤติกรรมแบ่งแยกดินแดน และแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพของปักกิ่ง จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหน มาแบ่งแยกดินแดนนี้ออกจากจีน และพร้อมเผชิญหน้าในทุกสถานการณ์
ดังบทสะท้อนจากคำพูดของผู้นำจีน ในวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2025 ด้วยท่วงทำนองฟังแล้วหนาวถึงขั้วหัวใจว่า…ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถหยุดจีนจากการรวมชาติไต้หวันได้!
