ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซ็ปต์ (RCEP) ประกอบด้วย 15 ประเทศ คือ อาเซียน 10 ประเทศ และ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ถือเป็นข้อตกลงการค้าเสรี ที่มีประชากรเข้าร่วมมากที่สุดในโลก รวมถึงมีขนาดเศรษฐกิจและการค้าใหญ่ที่สุด และมีศักยภาพการพัฒนามากที่สุดในโลก
ผลลัพธ์ความสำเร็จของอาร์เซ็ปต์ ปรากฏผ่านการกระชับความร่วมมือ ทางการค้าและการลงทุน ระหว่างสมาชิกความตกลงฯ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นับตั้งแต่ความตกลงฯ มีผลบังคับใช้เมื่อ 3 ปีก่อน และเสริมสร้างรากฐานการค้าระหว่างประเทศ ของจีนและอาเซียน อย่างมีประสิทธิภาพ
ความตกลงฯ เริ่มต้นมีผลบังคับใช้ในปี 2022 มีอายุครบ 3 ปี เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2025 โดยความตกลงฯ ได้ช่วยเสริมสร้างการบูรณาการ ทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ทำให้ปริมาณการค้าภายในภูมิภาคความตกลงฯ ในปี 2023 รวมอยู่ที่ 5.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 193 ล้านล้านบาท) และปริมาณการลงทุนแบบกรีนฟิลด์ (greenfield) เพิ่มขึ้น 2.2 เท่าจากปี 2021
ผลการศึกษาจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ระบุว่าความตกลงฯ จะช่วยให้รายได้ของสมาชิก เพิ่มขึ้นราวร้อยละ 0.6 ภายในปี 2030 เพิ่มรายได้ให้ภูมิภาค 2.45 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.48 ล้านล้านบาท) ต่อปี และสร้างการจ้างงานในภูมิภาค 2.8 ล้านอัตรา
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ม.ค. 2025 สำนักข่าวซินหัว ระบุคำพูดของ เหอย่าตง โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวถึงความตกลง RCEP ว่า นับตั้งแต่ความตกลงฯ มีผลบังคับใช้เมื่อ 3 ปีก่อน ได้เสริมสร้างรากฐานการค้าระหว่างประเทศของจีนและสมาชิก อย่างมีประสิทธิภาพ กระชับความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน ระหว่างสมาชิกความตกลงฯ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เหอกล่าวว่า จีนได้ทำงานอำนวยความสะดวก แก่สมาชิกใหม่ ในการเข้าร่วมความตกลงฯ โดยมีเขตบริหารพิเศษฮ่องกง รวมถึงศรีลังกา และชิลี ได้ยื่นใบสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงฯ อย่างเป็นทางการแล้ว
มูลค่าการค้าสินค้าของจีน กับสมาชิกความตกลงฯ ช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายนของปี 2024 สูงถึง 12 ล้านล้านหยวน (ราว 56 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบปีต่อปี และจีนยังเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดในโลก
เหอเสริมว่า จีนจะยังคงดำเนินงานตามความตกลงฯ อย่างครอบคลุมรอบด้าน และมีคุณภาพสูง รวมถึงมีส่วนส่งเสริม การบูรณาการทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก สร้างการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรือง ในภูมิภาคเพิ่มขึ้น