ปรากฏการณ์ของ DeepSeek ซึ่งมียอดดาวน์โหลดใน App Store แซงหน้า ChatGPT ของสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลก แห่เทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ด้วยความกังวลว่า เอไอต้นทุนต่ำของจีน กำลังจะก้าวขึ้นมาท้าทายอิทธิพลของเหล่าผู้นำด้านเอไอในสหรัฐฯ
DeepSeek เป็นบริษัทสตาร์ทอัพของจีน เกิดจาก High-Flyer บริษัท Hedge Fund ยักษ์ใหญ่ของจีน ที่ต้องการพัฒนาเอไอเข้าถึงได้ง่าย ราคาถูก ใช้เวลาพัฒนาแค่ 2 ปี กับพนักงานแค่ 200 คน และใช้เงินพัฒนาเพียง 190 ล้านบาท แต่ได้เอไออัจฉริยะที่เขียนโค้ดเก่ง พูดคุยภาษาคน ตอบคำถาม แปลภาษา เหมือนคุยกับมนุษย์ด้วยกัน ที่สำคัญคือใช้งานง่าย คนไม่มีความรู้เอไอก็ใช้ได้ แถมยังราคาถูกกว่าเจ้าอื่น ราคาเริ่มต้นในอเมริกาเดือนละ 1 ดอลลาร์ หรือประมาณ 35 บาท ถูกกว่า ChatGPT เกือบ 10 เท่า เลยได้รับความนิยมจากชาวเน็ต โหลดแอปติดอันดับ 1 ในอเมริกา
ความสำเร็จนี้ ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องยอมรับว่า โลกของปัญญาประดิษฐ์ เปลี่ยนไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการลงทุน แต่อาศัยนวัตกรรม เทคโนโลยี ผสมกับไอเดียยุคใหม่ สามารถสร้างเอไออัจฉริยะ ได้เช่นเดียวกัน
ทรัมป์กระตุ้นเตือนนักวิทยาศาสตร์ ที่ฉลาดปราดเปรื่องของอเมริกาว่า “พวกเรามีไอเดีย เป็นมันสมองระดับโลก ไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินเป็นพันๆล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างเอไออัจฉริยะ แต่เราจ่ายน้อยลงได้ โดยมีผลลัพธ์เช่นเดียวกัน
ความสำเร็จของ DeepSeek เอไอสายพันธุ์จีน พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องลงทุนเป็นหมื่นล้าน เพื่อพัฒนาปากกาหมึกซึม ที่เขียนได้ในอวกาศ แค่ดินสอเล่มละไม่กี่บาท ก็ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน