โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุในการแถลงข่าวร่วมกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งเดินทางเยือนสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (4 ก.พ.) ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ จะเข้าครอบครองฉนวนกาซา และพัฒนาฉนวนกาซาใหม่ หลังจากมีการย้ายชาวปาเลสไตน์ไปอยู่ที่อื่น
ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐฯจะพัฒนาฉนวนกาซา รับผิดชอบการปลดชนวนระเบิดที่ยังไม่ระเบิด และอาวุธอื่นๆ ที่เป็นอันตรายทั้งหมด กำจัดสิ่งปลูกสร้างที่พังทลาย สร้างการพัฒนาเศรษฐกิจ พร้อมตำแหน่งงานจำนวนมหาศาล และบ้านเรือนเพื่อประชาชนในพื้นที่ ฉนวนกาซาจะกลายเป็นบ้านของประชาชนชาวโลก
ขณะที่นายหลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนคัดค้านแนวคิดของผู้นำสหรัฐฯที่ระบุว่า สหรัฐฯจะเข้าควบคุมฉนวนกาซา หลังจากที่ผลักดันให้ชาวปาเลสไตน์ อพยพออกจากดินแดนดังกล่าว เพื่อไปอาศัยอยู่ในประเทศอียิปต์และจอร์แดน
จีนเชื่อมาโดยตลอดว่า การให้ชาวปาเลสไตน์ปกครองดินแดนปาเลสไตน์ ถือเป็นหลักการขั้นพื้นฐาน สำหรับการบริหารฉนวนกาซาหลังสิ้นสุดสงคราม จีนหวังว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะใช้โอกาสจากการทำข้อตกลงหยุดยิง และการปกครองในช่วงหลังสงคราม แก้ไขปัญหาของชาวปาเลสไตน์ โดยอิงจากแนวทางการมีสองรัฐ เพื่อให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนในตะวันออกกลางอย่างแท้จริง
ด้าน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เตือนสหรัฐฯ ให้หลีกเลี่ยงการกวาดล้างทางชาติพันธุ์ในฉนวนกาซาทุกรูปแบบ ต้องยึดมั่นในหลักการพื้นฐานของกฎหมายสากล ยึดมั่นในแนวทางสองรัฐ ซึ่ง UN ให้การรับรองวิสัยทัศน์ของสองรัฐ ที่อยู่ติดกัน ภายในขอบเขตที่ปลอดภัย และเป็นที่ยอมรับมาเป็นเวลานานแล้ว โดยชาวปาเลสไตน์ ต้องการรัฐในเวสต์แบงก์ เยรูซาเล็มตะวันออก และฉนวนกาซา ซึ่งเป็นดินแดนที่อิสราเอล ยึดครองไปในสงครามกับประเทศอาหรับใกล้เคียง เมื่อปี 2510