กว่าจะได้ฉายา “ทนายปราบโกง” จากสื่อมวลชนในวันนี้

นายกฤษฎา อินทามระ หรือ “ทนายปราบโกง” เป็นทนายความที่มีชื่อเสียงในการต่อสู้กับการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานภาครัฐ โดยมีผลงานที่โดดเด่นดังนี้:

การตรวจสอบโครงการพัฒนาที่ดินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.):
นายกฤษฎาได้ยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้ทบทวนแผนการพัฒนาที่ดินของ กทท. บริเวณท่าเรือคลองเตย โดยเห็นว่าแผนการพัฒนาที่ดินดังกล่าวอาจขัดต่อพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ พ.ศ.2480

การแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารระดับสูงของ กทท.:
นายกฤษฎาได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารระดับสูงของ กทท. ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องจากเชื่อว่าผู้บริหารคนดังกล่าวได้กระทำการอันเป็นเท็จและมีเจตนาพิเศษเพื่อช่วยเหลือผู้บริหารและอดีตผู้บริหารที่กำลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนความผิด

การช่วยเหลืออดีตพนักงาน กทท.:
นายกฤษฎาได้นำอดีตพนักงานการท่าเรือกว่า 100 คน ไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อมอบตัวสู้คดีพิเศษที่การท่าเรือกล่าวหาว่ามีการทุจริตเบิกค่าล่วงเวลา กว่า 3,000 ล้านบาท ในคดีพิเศษที่ 37/2561 (สุดท้าย ปี 2567 ดีเอสไอ ส่งฟ้องได้เพียง 34 คน จากที่ผู้บริหารการท่าเรือ แจ้งความจำนวน 560 คน ต่อมา 3 ก.พ.68 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เขตตลิ่งชัน กทม. ได้พิจารณาคดี 34 คนแบบม้วนเดียวจบในวันนั้นและนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 18 มี.ค.68 เวลา 09.00 น.) ก่อนจะมีการรวมตัวกันเพื่อทวงถามความยุติธรรมและขอให้มีการชดเชยค่าเสียหายต่อกระทรวงคมนาคมและ ดีเอสไอ

การตรวจสอบโรงงานแป้งมันสำปะหลังในจังหวัดนครราชสีมา:
หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในอำเภอหนองบัวศาลา จังหวัดนครราชสีมา เกี่ยวกับการลักลอบปล่อยน้ำเสียของโรงงานแป้งมันสำปะหลัง จึงลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าโรงงานดังกล่าวได้ลักลอบขุดดินในที่ดิน ส.ป.ก. จำนวนนับร้อยไร่ เพื่อทำเป็นบ่อปล่อยน้ำเสีย การกระทำนี้เป็นการหลีกเลี่ยงการสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียภายในโรงงาน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง

-ทนายกฤษฎาได้แจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. โคราช ที่ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในการเอื้อประโยชน์ให้โรงงานปล่อยน้ำเสีย ได้นำหลักฐานคลิปวิดีโอการลักลอบปล่อยน้ำเสียลงที่ดิน สปก. ไปร้องขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม ให้มีคำสั่งปิดโรงงานแป้งมันสำปะหลังดังกล่าว ที่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน เด็กนักเรียน และพระสงฆ์ ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากกลิ่นเหม็น

-การลักลอบขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลในพื้นที่ดิน สปก.นับ 100 บ่อ การกระทำดังกล่าวเป็นการขัดต่อนโยบายการใช้ที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งกำหนดให้ใช้เพื่อการเกษตรเท่านั้น

-ก่อนจะร่วมกับ ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ ลงตรวจสอบที่ดิน สปก.ที่โดนโรงงานแป้งมันลักลอบปล่อยน้ำเสีย

-เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อไป

-ตำรวจจาก บก.ปปป.และ บก.ปทส. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ดำเนินคดีกับนอมีนี 13 รายที่ถือครองแทนนายทุนรายใหญ่

-ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของทนายกฤษฎาในการปกป้องสิทธิของประชาชนและรักษาทรัพยากรธรรมชาติจากการกระทำที่ผิดกฎหมายของโรงงานอุตสาหกรรม

การตรวจสอบรถหรูที่เกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป:
นำรถยนต์หรูจากโชว์รูมแห่งหนึ่งย่านบางนา ส่งมอบให้ตำรวจสอบสวนกลางตรวจสอบเกี่ยวข้องกับคดี “ดิไอคอน กรุ๊ป” หรือไม่ หลังพบชื่อหนึ่งใน”บอส” เป็นเจ้าของ

การต่อสู้เพื่อทวงคืนชื่อถนน “อินทามระ”:
นายกฤษฎามีบทบาทในการต่อสู้เพื่อทวงคืนชื่อถนน “อินทามระ” ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติของตระกูล

ประวัติครอบครัวและการศึกษา:
นายกฤษฎา อินทามระ เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502 เป็นลูกหลานของตระกูลอินทามระ ซึ่งมีต้นตระกูลคือ พลตำรวจโท โต๊ะ อินทามระ บิดาคือ พันตำรวจเอก เฉลิม อินทามระ สมรสกับนางเยาวลักษญ์ มีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคน

การศึกษา:
จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนเทพศิรินทร์
จบปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
จบเนติบัณฑิตไทย สมัยที่ 36 ปีการศึกษา 2526

การทำงาน:
เริ่มเป็นทนายความตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527

นายกฤษฎา อินทามระ มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบและต่อต้านการทุจริตในหน่วยงานภาครัฐ โดยมุ่งเน้นการใช้กฎหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนจนได้รับการยอมรับจากสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปว่าเป็น “ทนายปราบโกง”