วันนี้ (3 มี.ค.67) เวลา 11.00 น.ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกพร้อม แพทย์หญิงจิตติมา ปรีชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนายธนเดช เพ็งสุข สส.พรรคประชาชน นำเอกสารหลักฐานเข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ นายภูมิวิศาล เกษมศุข สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เพื่อแจ้งความเอาผิดคนที่กระทำความผิดในขบวนการทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก
พล.อ.เดชนิธิศ เปิดเผยว่า ตามที่ทราบว่ามีการทุจริตยาในโรงพยาบาลทหารผ่านศึกเกิดขึ้น เราไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยหลังจากที่ได้ข้อมูลก็ได้มีการดำเนินการสองส่วนในการตรวจสอบเรื่องนี้ส่วนแรกคือ ป.ป.ท. ตรวจสอบพยานหลักฐาน ส่วนที่ 2 คือตั้งคณะกรรมการสอบสวนเบื้องต้นภายในองค์การทหารผ่านศึก โดยพยานหลักฐานไปในทิศทางเดียวกันว่ามีการกระทำความผิดจริง โดยขอเวลาให้เราทำงานในการตรวจสอบเชิงลึกอีกระยะหนึ่ง ก่อนจะแถลงข่าวความคืบหน้าโดยละเอียดอีกครั้งซึ่งระยะเวลาการทุจริตนั้นมีเวลายาวนานเกือบ 10 ปี โดยขบวนการดังกล่าวมีผู้ร่วมขบวนการตั้งแต่ผู้ป่วย ไปจนถึงข้าราชการทหารระดับสูง โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประมาณหลักร้อย โดยความเสียหายมีจำนวนมาก แต่ตนขอตรวจสอบรายละเอียดก่อนจะให้ข้อมูลอีกครั้ง ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา ก่อนหน้านี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ไปแล้วหนึ่งครั้ง และพบว่ามีมูลความผิด จึงให้บุคคลบางส่วนย้ายตำแหน่งหน้าที่ออกไปจากส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากข้อมูลพบว่ามีบางส่วนที่เชื่อมโยงกันกับการทุจริตอยู่ในขณะนี้ด้วย
หลังจากที่ตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนตุลาคม 66 พบว่าช่วงสองถึงสามเดือน มีความผิดปกติ โดยมีรถตู้นำผู้ป่วยจากจ.ลพบุรี เข้ามาที่โรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาและขอรับยาครั้งละประมาณ 10-20 คน และเป็นผู้ป่วยรายชื่อเดิมๆ หลายครั้ง และเป็นแบบนี้มาตลอดแทบทุกเดือน ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่หนักใจกับการตรวจสอบเรื่องนี้
ด้านนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวว่า ขณะนี้มีการตรวจสอบได้ระดับหนึ่งแล้ว และหากใครที่รู้ตัวว่ากระทำความผิด หากพบว่าเส้นทางการเงินไปถึงใคร ให้เตรียมรับผลของการกระทำไว้ได้เลย อย่างที่ท่านพล.ต.ต.จรูญเกียรติ พูดมาโดยตลอด ทุกครั้งที่ลงไปดำเนินการตรวจสอบจะมีสึนามิตามมา ขอย้ำว่าเส้นทางการเงินไปถึงใคร คุณเตรียมรับได้เลย และในเรื่องนี้ไม่ได้มีผู้ร่วมในขบวนการแค่ 2 -3 คนเท่านั้น ใครที่กระทำความผิดวันนี้ให้รีบเดินเข้ามาหาเราจะดีกว่าและจากการตรวจสอบพบว่าแผนประทุษกรรมมีความชัดเจนแล้ว ในส่วนของข้าราชการไม่ว่าจะเกษียณไปแล้วหรือยังอยู่ในตำแหน่งหากพบเส้นเงินที่ไปเกี่ยวข้องก็จะเรียกมาสอบ โดยความผิดเบื้องต้นในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐจะเข้าข่าย ม.157 แต่หากเป็นคนปกติทั่วไป จะเข้าข่ายความผิดอะไรนั้นต้องพิจารณาเป็นคนๆไป.


