แม้ในปีที่ผ่านมา รายงานของสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม ITIF ของสหรัฐฯ จะออกมาเปิดเผยว่า จีนตามหลังผู้ผลิตชิปชั้นนำของโลก 5 ปี ในการผลิตชิปลอจิกขั้นสูงเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปแบบรับจ้างรายใหญ่ที่สุดของโลกจากไต้หวัน
แต่รายงานล่าสุดจากโครงกา รอีเมอร์จิง เทคโนโลยี ออบเสิร์ฟเวทอรี แห่งมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ของสหรัฐฯ เผยว่า “จีน” ขึ้นแท่นผู้นำโลก เขียนรายงาน “วิจัยชิป” มากสุด คณะนักวิจัยของจีนเขียนรายงานการวิจัยเกี่ยวกับการออกแบบและผลิตชิป มากกว่าประเทศอื่นๆ เป็นอย่างมาก
ในบทความภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและการผลิตชิป 4.75 แสนฉบับ ที่เผยแพร่ในช่วง 5 ปี ระหว่างปี 2018-2023 จีนครองสัดส่วนร้อยละ 34 ของรายงานการวิจัยเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด รองลงมาคือกลุ่มประเทศในยุโรปรวมกัน (ร้อยละ 18) และสหรัฐฯ (ร้อยละ 15)
นอกจากนี้ ครึ่งหนึ่งของรายงานการวิจัยที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด สถาบันสัญชาติจีน ยังครองสัดส่วนสูงสุดอีกด้วย
การเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีน ถูกขับเคลื่อนโดยเงินอุดหนุนจำนวนมาก ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง เรียกร้องให้รัฐบาลทุกระดับ สนับสนุนการขับเคลื่อนความมั่นคงด้านชิปของชาติ บริษัทชิปจีนได้รับประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมของรัฐ รวมถึงการลดหย่อนภาษี หรือภาษีสำหรับอุปกรณ์และวัสดุ
เงินอุดหนุนจากรัฐบาล มีความสำคัญในการสนับสนุนบริษัทจีน โดยเฉพาะบริษัทที่สายป่านไม่ยาวพอ นำไปสู่การยกระดับชิปรุ่นเก่า ที่คาดว่าจะเติบโตจาก 31% ในปี 2566 เป็น 39% ในปี 2570
ตามรายงานของ ITIF ระบุว่า บริษัทประกอบและทดสอบแบบจ้างเหมาบริการใหญ่ที่สุด 5 แห่งของโลก เป็นของจีน ในขณะที่มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของการยื่นจดสิทธิบัตรเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ในปี 2564 และ 2565 มาจากบริษัทจีน หรือคิดเป็นสองเท่าของบริษัทสหรัฐฯ