80 ปีฟื้นฟูไต้หวัน ประวัติศาสตร์และความจริงยืนยัน ส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกได้ของจีน
เมื่อวันศุกร์ (7 มี.ค.) หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงข่าวนอกรอบการประชุมสภานิติบัญญัติระดับชาติว่า ประวัติศาสตร์และความจริงยืนยันว่าไต้หวัน เป็นส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกได้ของจีน และปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 80 ปี การฟื้นฟูไต้หวัน
สำนักข่าวซินหัว ระบุคำกล่าวของหวังอี้ สะท้อนว่า ชัยชนะจากสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น ของประชาชนจีน ทำให้ไต้หวันกลับมาอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของจีน ในปี 1945 ขณะทั้งปฏิญญาไคโรและปฏิญญาพอตส์ดัม ซึ่งออกโดยกลุ่มประเทศชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ระบุชัดเจนว่า ไต้หวันเป็นดินแดนที่ญี่ปุ่นขโมยจากจีน และต้องคืนสู่จีน โดยญี่ปุ่นยอมรับเงื่อนไขของปฏิญญาพอตส์ดัม และประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งหมดนี้ยืนยันอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือไต้หวัน และเป็นส่วนสำคัญของระเบียบระหว่างประเทศยุคหลังสงคราม
ข้อมติที่ 2758 ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ รับรองในปี 1971 ได้แก้ไขประเด็นการเป็นตัวแทนของจีนทั้งหมด รวมถึงไต้หวัน ในองค์การสหประชาชาติ และตัดความเป็นไปได้ในการสร้าง “สองจีน” หรือ “จีนเดียว ไต้หวันเดียว” โดยการอ้างอิงถึงภูมิภาคไต้หวัน ในองค์การสหประชาชาติคือ “ไต้หวัน มณฑลของจีน” ดังนั้นไต้หวันไม่เคยเป็นประเทศ ไม่ว่าในอดีตหรืออนาคต
ขณะการเรียกร้อง “เอกราชไต้หวัน” เท่ากับแบ่งแยกประเทศ การสนับสนุน “เอกราชไต้หวัน” เท่ากับแทรกแซงกิจการภายในของจีน และการสมรู้ร่วมคิดเกี่ยวกับ “เอกราชไต้หวัน” เท่ากับบ่อนทำลายเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวัน
หวังอี้เน้นย้ำการเคารพอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของทุกประเทศ ควรหมายถึงการสนับสนุนการรวมประเทศอย่างสมบูรณ์ของจีน และการยึดมั่นหลักการจีนเดียว ควรหมายถึงการต่อต้าน “เอกราชไต้หวัน” ทุกรูปแบบ ส่วนการแสวงหา “เอกราชไต้หวัน” จะประสบกับผลกระทบย้อนกลับ และการใช้ไต้หวันควบคุมจีน จะเป็นความพยายามที่ไร้ผล เพราะจีนจะบรรลุการรวมชาติ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้