เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการพิเศษสำนักงานปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจงเด่น บุตรสุทธิวงศ์ พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย กับพวกรวม 34 คน ในข้อหาร่วมกันทุจริตการเบิกจ่ายเงินค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด
ข้อกล่าวหา:
โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้ง 34 คน ร่วมกันจัดทำเอกสารใบเบิกเงิน เพื่อใช้เบิกเงินค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุดเพิ่มเติมในห้วงเวลา พ.ศ. 2545–2555 ทั้งที่ไม่ได้ทำงานจริง และใช้เอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานในการฟ้องการท่าเรือแห่งประเทศไทย ต่อศาลแรงงานกลาง
คำพิพากษา:
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา เนื่องจากเห็นว่าการเบิกจ่ายเงินค่าล่วงเวลาเป็นการดำเนินการตามปกติ และจำเลยทั้ง 34 คน ไม่มีเจตนาทุจริต
ปฏิกิริยาจากผู้ต้องหา:
นายจงเด่น บุตรสุทธิวงศ์ ตัวแทนพนักงานที่ตกเป็นผู้ต้องหา กล่าวขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมกับพวกเขา รวมทั้งทีมทนายและทนายกฤษฎาที่ช่วยเหลือให้พวกเขาได้รับคืนความสุขกลับคืนมาสู่ครอบครัวที่ขาดหายไปหลายปี
ความเห็นจากผู้ต้องหารายอื่น:
นายบัง หรือ บุญช่วย ยี่สุ่นแย้มกลิ่น พนักงานการท่าเรือฯ หนึ่งใน 34 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหา เปิดใจว่า ตนถูกดีเอสไอทำคดีว่าทุจริตเงินค่าล่วงเวลา จำนวน 123.69 บาท มาเป็นเวลา 8 ปี ซึ่งตนได้เบิกตามระเบียบของการท่าเรือฯ แต่กลับถูกฟ้องเป็นจำเลย วันนี้ศาลได้ตัดสินแล้วว่าเขาไม่ได้มีความผิด
มูลเหตุของคดี:
ในปี พ.ศ. 2557 ผู้บริหารการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้มอบอำนาจให้ นายโกมล ศรีบางพลีน้อย ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายจงเด่น บุตรสุทธิวงศ์ กับพวก และพนักงาน กทท. คนอื่น ๆ รวมทั้งบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง กล่าวหาว่าทุจริตเบิกจ่ายค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุดเพิ่มเติม ในช่วงปี พ.ศ. 2545 – พ.ศ. 2555 ทำให้รัฐเสียหาย 3,300 ล้านบาท
