ภายหลังสหรัฐฯ จำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่ไทย ต่อกรณีส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน โกลบอลไทม์ส รายงานว่า เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แสดงความเป็นห่วงต่อกรณีดังกล่าว โดยมองว่า เรื่องนี้เป็นความร่วมมือระหว่างจีนกับไทย ในการปราบปรามการลักลอบเข้าเมือง และการข้ามชายแดนที่ผิดกฎหมาย สอดคล้องกับกฎหมายของทั้ง 2 ประเทศ เช่นเดียวกับกฎหมายและหลักปฏิบัติสากล ซึ่งสหรัฐอเมริกา ไม่มีสิทธิแทรกแซงใดๆ
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ยังกล่าวอีกว่า พลเมืองจีน 40 คน ถูกควบคุมตัวในไทยมาเป็นเวลากว่า 10 ปี หลังถูกจับฐานลักลอบออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย รัฐบาลจีนมีภาระและหน้าที่รับผิดชอบ ปกป้องพลเรือนของตนเอง ช่วยพวกเขากลับสู่ครอบครัว และกลับสู่ชีวิตปกติ แต่สหรัฐฯ พยายามทำให้เรื่องนี้ เป็นประเด็นทางการเมือง
เหมา หนิง ยังยกตัวอย่างในปีงบประมาณ 2024 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) ก็เคยเนรเทศคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย จาก 192 ประเทศ กว่า 270,000 ราย ถือเป็นการเนรเทศจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 ขณะเดียวกัน อเมริกายังกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรม โจมตี ป้ายสี คว่ำบาตรและกดดันประเทศอื่นๆ ที่ร่วมมือกันบังคับใช้กฎหมายโดยชอบ ถือเป็นตัวอย่างของพฤติกรรมอันธพาล
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่า ปักกิ่งขอประณามการใส่ร้าย และการคว่ำบาตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เล็งเป้าเล่นงานจีนและไทย และคัดค้านอย่างหนัก ต่อการที่สหรัฐฯ ใช้สิทธิมนุษยชน เป็นข้ออ้าง บิดเบือนประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับซินเจียง แทรกแซงกิจการภายในของจีน ก่อความปั่นป่วนต่อความร่วมมือบังคับใช้กฎหมาย ตามปกติระหว่างจีนและประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง