การส่งสัญญาณของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณา ออกข้อจำกัดการเดินทางที่เข้มงวด สำหรับพลเมืองจาก 43 ประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งภายใต้คำสั่งห้ามฉบับใหม่
โดยมี 3 ประเทศลุ่มน้ำโขง ติดโผด้วย คือ สปป.ลาว และ เมียนมา ติดอยู่ในกลุ่ม 10 ประเทศที่จะถูกระงับวีซ่าบางประเภท เช่น วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่านักเรียน และ วีซ่าผู้อพยพบางส่วน แต่ยังมีข้อยกเว้นในบางกรณี
อีกหนึ่งประเทศคือ กัมพูชา ติดอยู่ในกลุ่ม 22 ประเทศ ที่อาจถูกระงับการออกวีซ่าบางส่วน หากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น ไม่ดำเนินมาตรการแก้ไขข้อบกพร่อง ภายใน 60 วัน
ยังไม่นับกรณีประกาศนโยบายจำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย เพื่อตอบโต้กรณีส่งชาวอุยกูร์ และชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ หรือศาสนากลุ่มอื่น กลับประเทศจีน
สัญญาณนี้กำลังบ่งบอกว่า กลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง เป็นเพียงหมากทางการเมืองของอเมริกา เป็นแค่การสร้างสถานการณ์ เพื่อคานอำนาจกับจีนเท่านั้นหรือ
การประกาศจะระงับวีซ่ากลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง แสดงว่าประเทศเหล่านี้ไม่ได้สลักสำคัญอะไรในสายตาของสหรัฐฯ กระนั้นหรือ
ขณะที่เมื่อวันศุกร์ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลทรัมป์ประกาศหยุดจ่ายงบประมาณให้กับ วอยซ์ ออฟ อเมริกา (VOA) เรดิโอ ฟรี เอเชีย (Radio Free Asia) เรดิโอ ฟรี ยุโรป (Radio Free Europe) และสื่ออื่นๆ ด้วยเหตุผลว่า ทำเนียบขาวไม่ต้องการให้ผู้เสียภาษี มาแบกรับภาระค่าใช้จ่ายสำหรับ “การโฆษณาชวนเชื่อสุดโต่ง” อีกต่อไป
นั่นหมายความว่า ข้อมูลข่าวสารในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องราวแง่ลบต่างๆที่ปรากฎในสื่อตะวันตก เกี่ยวกับลุ่มน้ำโขง เป็นการโฆษณาชวนเชื่อเช่นนั้นหรือ
อเมริกาจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?