“…สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) เปิดศึกค้านการดำเนินโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (งามวงศ์วาน-พระราม 9) ภายใต้แผนแก้ปัญหาจราจรระยะที่ 1 ชี้ 3 ข้อโต้แย้งสำคัญ! “ละเมิดกฎหมายร่วมทุน-เสี่ยงซ้ำเหตุคานถล่มคร่าชีวิต-รัฐเสียเงินหมื่นล้าน” พร้อมเสนอทางออกเร่งด่วนด้วยโครงการทางพิเศษขั้นที่ 3 (N1, N2, N3) แทน พ่วงข้อมูลชัดรายได้แบ่งเอกชนปี 67 กว่า 7,534 ล้านบาท…”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) ยื่นหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอคัดค้านการอนุมัติโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (Double Deck) ตั้งแต่แยกต่างระดับงามวงศ์วานถึงโรงพยาบาลพระราม 9 ระยะทาง 17 กิโลเมตร ระบุเหตุผลหลัก 3 ประการ:
- ข้อกังวลด้านกฎหมาย
โครงการนี้ถูกเสนอให้บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ดำเนินการต่อโดยขยายสัญญาสิ้นสุดปี 2601 แต่สร.กทพ. ชี้ว่า “ขัดพระราชบัญญัติร่วมทุนภาครัฐ-เอกชน พ.ศ. 2562 มาตรา 50” ที่กำหนดให้ต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะ รวมทั้งไม่สอดคล้องกับพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 2561 มาตรา 28 ที่ควบคุมการใช้เงินงบประมาณ - ความปลอดภัยที่ยังเป็นคำถาม
หลังกรณี คานคอนกรีตถล่ม ในโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย บาดเจ็บกว่า 20 คน สร.กทพ. หวั่นซ้ำรอยเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากโครงสร้างทางยกระดับชั้น 2 จะซ้อนทับบนทางพิเศษศรีรัชที่มีการใช้งานหนักอยู่แล้ว - ทางเลือกที่เสนอแทน
สหภาพฯ เสนอให้รัฐพิจารณา โครงการทางพิเศษขั้นที่ 3 (N1, N2, N3) เพื่อขยายโครงข่ายการจราจรทั้งในและนอกเมือง พร้อมเปิดข้อมูลว่า หากไม่ต่อสัญญาสัมปทานกับ BEM จะสามารถนำเงินกว่า 7,539.50 ล้านบาท (จากรายได้ปี 2567) มาลงทุนในโครงการใหม่ได้ทันที
ข้อสังเกตจากผู้เกี่ยวข้อง
แหล่งข่าวภายในสร.กทพ. ระบุว่า การผลักดันโครงการยกระดับชั้น 2 ในช่วงนี้ “เหมือนเร่งดำเนินการโดยไม่ฟังเสียงจากประชาชน” หลังอุบัติเหตุครั้งล่าสุด ขณะที่กระแสบนโซเชียลมีเดียติดแฮชแท็ก #หยุดทางด่วนเสี่ยงตาย เรียกร้องให้รัฐเปิดข้อมูลการประเมินความปลอดภัยโครงการต่อสาธารณะ
เมื่อความปลอดภัยของประชาชนและความโปร่งใสในการใช้งบประมาณยังเป็นประเด็นร้อน จะมีการทบทวนโครงการตามข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานหรือไม่? ติดตามรายงานพิเศษต่อเนื่อง…
