เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 4 เม.ย.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทมทนายอ๋อง วิฑูรย์ เก่งงาน รับมอบอำนาจจากบริษัทแบรนด์เนม มันนี่ จำกัด เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.หญิง พรพิมล ดอกไม้ สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อให้ปากคำในคดีที่ เมย์ วาสนา อินทะแสง แจ้งความร้องทุกข์ดําเนินคดีกับ ดิว อริสรา ดารานักแสดง ในข้อหาฉ้อโกงกรณีนําเอาสร้อย Bvlgari รุ่น Serpenti Tubare Choker Necklace มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท ไปจำนำไว้ 7 ล้านบาท
ทนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเป็นตัวแทนบริษัทแบรนด์เนม มันนี่ จำกัด มาให้ ปากคำในฐานะพยาน ในคดีที่ เมย์ วาสนา แจ้งความ ดำเนินคดีกับ ดิว อริสรา ฐานยักยอกทรัพย์ สร้อย Bvlgari ที่ทางดิว อริสราเอามาขายฝากไว้ด้วย วันนี้จึงต้องมาให้ปากคำยืนยันว่าสร้อยดังกล่าวยังอยู่กับทางบริษัทฯ เรา ว่าเขาเอามาขายฝากกับเราอย่างไร ซึ่งมีเพียงสร้อยเส้นเดียวทรัพย์สินอื่นๆไม่มี ทางร้านได้รับขายฝากไว้ในราคา 7 ล้านบาท จากราคาเต็มอยู่ที่ 15 ล้านบาท ซึ่งทางร้าน ได้ไปแจ้งความ ดิว อริสรา ไว้ที่ สน. ปทุมวันข้อหาฉ้อโกง เมื่อ 23 มี.ค. ผ่านมา
เมื่อวานได้ไปให้ปากคำ พงส.สน.ปทุมวัน เสร็จเรียบร้อยแล้ววันนี้จึงมาให้ปากคำ พงส.ที่ บก.ป. วันนี้มาให้ปากคำและเอกสารต่างๆกับพนักงานสอบสวน ส่วนตัวสร้อยยังเก็บรักษาไว้อยู่ในตู้เซฟของบริษัท ซึ่งจะได้ส่งมอบให้กับคุณเมย์เจ้าของทรัพย์อีกทีในภายหลัง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณดิว อริสรา ว่าจะทำอย่างไรเนื่องจากทางร้านเราเสียหายไปเป็นเงินจำนวน 7 ล้านบาท เรื่องนี้จะต้องมีการใช้เงินคืน เท่ากับจำนวนเงินที่เราเสียไป ถ้าดิว อริสรา ไม่สามารถคืนให้ได้เต็มจำนวนก็จะต้องดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงกันต่อไป ส่วนเรื่องสร้อยก็จะนัดหมายกับทางคุณเมย์ เพื่อส่งมอบ ยืนยันว่าจะไม่ยึดสร้อยไว้เด็ดขาด ซึ่งตามปกติก่อนขายฝากในลักษณะนี้ ถ้าไม่ไถ่คืนก็จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของทางร้าน ที่รับขายฝากไว้ แต่กรณีสร้อยเส้นนี้ไม่สามารถรับขายฝากได้เนื่องจากคนที่นำมาไม่ใช่เจ้าของ เราทำแค่เพียงดูแลรักษาเก็บไว้ให้
ส่วนข้อหารับของโจรนั้นตนมองว่ายังไม่เข้า เนื่องจากตอนรับขายฝากเราไม่รู้ว่าเขาไม่ใช่เจ้าของสร้อย มารู้เอาเมื่อ 19 มี.ค. ว่าเป็นสร้อยของคนอื่น การมารู้ที่หลังไม่ถือว่าเป็นเป็นของโจร แต่สุดท้ายก็ต้องคืนเจ้าของที่แท้จริงอยู่ด้วย
จากการเจรจากับทนายของ ดิว อริสรา เขายอมรับว่าจะชดใช้หนี้ 7 ล้านบาท เบื้องต้นบอกว่าจะขอจ่ายให้ก่อน 2.5 ล้านบาท แล้วผ่อนที่เหลือเดือนละ 1 แสนบาทในระยะเวลาสองปีแต่ทางร้านต้องการครบ 7 ล้านบาททีเดียว อยากให้ดิว อริสรา บินกลับมาไทยดีกว่า ตอนนี้ยังไม่มีหมายจับจากตำรวจเลย ซึ่งข้อหาพวกนี้ไม่สามารถออกหมายจับได้ ทำได้แค่ออกหมายเรียกมาพบ พงส.ก่อน “บินกลับมาเถอะมาเคลียร์กัน ในส่วนสร้อย Bvlgari ว่าจะเอาอย่างไร มาทำให้เรามั่นใจว่าคุณจะไม่บิดพริ้วในภายหลัง”
นำ ผู้รับ สร้อยบุราณ จากดิวอิสริยา เข้าให้ข้อมูล พนักงานสอบสวนกองปราบปราม
ตัวแทนบริษัท
พร้อมทนายความแจ้งความตำรวจ สน.ปทุมวัน แจ้งความเอาผิด “ดิว อริสรา” ข้อหาฉ้อโกง กรณีนำเอาสร้อย “Bvlgari” ของ “เมย์ วาสนา” มาจำนำ โดยอ้างเป็นของตัวเอง ทนายเผยแจ้งเป็นคดีอาญาไว้ก่อน แต่ยอมความได้ ถ้ามาพูดคุยให้จบและเยียวยา
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่ สน.ปทุมวัน นายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือ ทนายอ๋อง ทนายความของบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด พร้อมตัวแทนบริษัท เดินทางมายัง สน.ปทุมวัน เพื่อแจ้งความดําเนินคดีกับ ดิว-อริสรา ดารานักแสดง ในข้อหาฉ้อโกงกรณีนําเอาสร้อย Bvlgari รุ่น Serpenti Tubare Choker Necklace มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท โดยทุจริตหลอกลวงว่าเป็นของตัวเอง ทำให้ได้ไปซึ่งสินเชื่อจากบริษัทฯ จํานวน 7 ล้านบาท ทั้งที่ความจริงแล้วสร้อยคอดังกล่าวเป็นของ “เมย์ วาสนา อินทะแสง” นักธุรกิจชื่อดัง
น.ส.ณัฐจุฑา ปุณณธนาวัฒน์ ตัวแทนบริษัทแบรนด์เนม มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ในวันที่ ดิว-อริสรา นําสร้อยมาฝากเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2567 ทางบริษัทมีการสอบถามถึงใบเซอร์หรือใบรับรองสินค้า แต่ทางคุณดิวแจ้งว่าอยู่อีกที่ ซึ่งไม่มีปัญหาเนื่องจากบริษัทไม่ได้ต้องการนําสินค้าครบเซตเพื่อนําไปขายต่อ เพราะทําธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อและเช่าฝากสินค้าแบรนด์เนมเท่านั้น ซึ่งราคาจะลดหย่อนตามของที่มี อย่างไรก็ตาม สินค้าแบรนด์เนมไม่สามารถไปเช็กตามช็อปได้ว่าใครเป็นเจ้าของไม่เหมือนกับการซื้อขายรถที่จะมีเล่มทะเบียนและผู้ครอบครอง โดยบริษัทมีการทําสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ถูกต้องตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ยอมรับว่า บริษัทไม่เคยมีปัญหาแบบนี้มาก่อนนี้ถือเป็นครั้งแรก แต่ยืนยันว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของบริษัทฯอย่างแน่นอน ส่วนการส่งดอกเบี้ยเบื้องต้นทางคุณดิวมีการส่งดอกตรงทุกเดือนตั้งแต่สิงหาคมถึงมีนาคมก่อนจะมีข่าว ส่วนเรื่องการคืนสินค้าทางบริษัท ขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและขออย่ากดดัน เพราะเป็นบริษัทก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายเช่นกันและขอฝากถึงคุณดิวให้บินกลับมาพูดคุยเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน
เมื่อถามว่า จะเข้าข่ายรับของโจรหรือไม่ ทนายวิฑูรย์ ระบุว่า อยู่ที่เจตนาวันแรกหากรู้ว่าไม่ใช่ของคุณดิวก็จะเข้าข่ายรับของโจรแต่กรณีนี้มีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่าทางบริษัทฯ ไม่ทราบว่าเป็นของคนอื่น ซึ่งเรื่องรับของโจรจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนกับบริษัท
ส่วนเรื่องการเซ็นรับสภาพหนี้ ต้องดูว่าเป็นหนี้หรือไม่ แต่เรื่องของคุณดิวเป็นคดีอาญา คงไม่มาคุยกันในคดีแพ่งว่าคุณดิวจะรับผิดชอบอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม คดีฉ้อโกงสามารถยอมความได้ ซึ่งในอนาคตหากคุยจบและเยียวยาก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แต่คุณดิวควรจะต้องบินกลับมาพูดคุยด้วยตัวเอง
ขณะที่พนักงานสอบสวน ระบุว่า เบื้องต้นรับแจ้งความเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ จะรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าคดีมีมูลความผิดจะดําเนินการออกหมายเรียกให้ “ดิว อริสรา” มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทนายอ๋อง กล่าวภายหลังเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า วันนี้เป็นการยื่นเอกสารแล้วก็มีการพูดคุยในประเด็นต่างๆ ตามที่ให้สัมภาษณ์ไปแล้วข้างต้น แต่ยังไม่ได้สอบปากคำอย่างละเอียด โดยพนักงานสอบสวนจะนัดมาสอบปากคำอีกครั้ง ในขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือกันในเรื่องของการรับสภาพหนี้ และยังไม่ได้พูดคุยว่าจะดำเนินการไปทางทิศทางไหน เบื้องต้นแจ้งเป็นคกีอาญาไปก่อน โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงกับทางบริษัท ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปปกติ และให้ราคาตามสภาพของที่ลูกค้านำมาขายฝากเหมือนเดิม
ส่วนการขอคืนสร้อยบุลการี ทนายของดิว อริสรา สามารถติดต่อกับทนายอ๋องเพื่อพูดคุยได้ โดยคดีฉ้อโกงก็เป็นคดีที่สามารถยอมความได้ โดยจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหลังจากที่ดิวอริสรากลับมาถึงไทยแล้ว
ร.ต.ท.ธีรภัทร์ รุ้งรุ่งรัศมี รอง สว.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งความจากผู้รับอำนาจจากบริษัทผู้เสียหายไว้แล้ว หลังผู้เสียหายมีความจำนงให้ดำเนินคดีกับดิว อริสรา ข้อหาฉ้อโกง จากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าคดีมีมูลความผิดจะออกหมายเรียกให้ดิว อริสรา มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
