วันอังคาร, เมษายน 15, 2025
หน้าแรกต่างประเทศจีน“CHIN-DIA” 2 ยักษ์เอเชีย สนามการค้าใหม่ของโลก

Related Posts

“CHIN-DIA” 2 ยักษ์เอเชีย สนามการค้าใหม่ของโลก

“CHINDIA” เป็นคำผสมที่มาจากคำว่า “China” หมายถึงประเทศจีน บวกกับคำว่า “India” ที่หมายถึงประเทศอินเดีย สองยักษ์ใหญ่แห่งความหวังของ “ตลาดใหม่” ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา มีประชากรจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของประชากรทั้งโลก อัตราการอุปโภคบริโภค กำลังผลิต และกำลังซื้อจำนวนมหาศาล ถูกจับตามองจากนักเศรษฐศาสตร์ และนักธุรกิจระดับโลก

เมื่อวันอังคารที่ 1 เม.ย. สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และ ดรูปาดี เมอร์มู ประธานาธิบดีอินเดีย ได้แลกเปลี่ยนสาร แสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ยังได้แลกเปลี่ยนสาร แสดงความยินดีกับ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียอีกด้วย

ประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์ทวิภาคี แสดงให้เห็นว่า การเป็นหุ้นส่วนแห่งความสำเร็จร่วมกัน  และความร่วมมือแบบพันธมิตร เป็นทางเลือกที่ถูกต้องสำหรับทั้งสองฝ่าย อีกทั้งตอบสนองผลประโยชน์พื้นฐานของทั้งสองประเทศ และประชาชน     

ขณะที่การประกาศขึ้นอัตราภาษีกับสินค้าทั่วโลก ของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้หลายประเทศเริ่มคิดแผนกระจายความเสี่ยง ทดแทนตลาด “อเมริกา”

ทั้งการเจรจาเพิ่มการค้าขายในกรอบการค้าระดับภูมิภาค การเจรจาทวิภาคี ไปจึงถึงการสมัครเข้าเป็นสมาชิกขั้วการค้าใหม่

หนึ่งในนั้นคือ “บริกส์” ขั้วการค้าใหม่ที่ “ใหญ่” และ “มั่งคั่ง”  ซึ่งมีสมาชิกก่อตั้ง 5 ประเทศ คือ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้

ซึ่ง 2 ประเทศที่เป็นชุดร่วมก่อตั้งกลุ่มบริกส์ก็คือ จีน กับ อินเดีย หรือ CHINDIA นั่นเอง

นักเศรษฐศาสตร์มองว่า การเข้าร่วมกลุ่มบริกส์ จะส่งดีในระยะยาว เป็นการดำเนินกุศโลบายต่างประเทศที่ดี เพราะเป็นการเพิ่มการถ่วงดุล ในระบบพหุขั้วอำนาจโลก ที่ไม่ใช่ระบบโลกที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำหนึ่งเดียว

ถือเป็น Strategic Autonomy ในแง่นโยบายต่างประเทศ ในการเจรจาต่อรองกับชาติตะวันตก เกิดระบบโลกาภิวัตน์ที่เป็นธรรมมากขึ้น เพราะกลุ่มบริกส์ต้องการปรับสมดุลทางเศรษฐกิจ กับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อให้กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ได้มีบทบาทมากขึ้น ทั้งในด้านการค้าขาย และ ลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

นั่นทำให้การประกาศขึ้นภาษีของ “ทรัมป์” ไม่ง่ายอย่างที่คิด จนต้องมีการเปิดช่องให้ทุกประเทศ เข้ามาเจรจาต่อรอง หรือเลื่อนเส้นตายออกไปเรื่อยๆ

เพราะ “ทรัมป์” เองก็หวั่นไหวว่า หากทำอะไรผลีผลาม นอกจากจะโดนแรงต้านในประเทศ  เนื่องจากสินค้าราคาแพงขึ้นแล้ว “CHINDIA” และ “BRICS” อาจได้รับ “ส้มหล่น” จากเกมนี้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts