วันอังคาร, เมษายน 15, 2025
หน้าแรกคอลัมนิสต์สุรชา บุญเปี่ยมตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนรับเด็กไม่มีหลักฐานเข้ามาเรียนไม่ชอบ

ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนรับเด็กไม่มีหลักฐานเข้ามาเรียนไม่ชอบ

ตำรวจป่าโมก แจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) ที่รับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการรับและนำพาเด็กเข้าเมืองผิดกฎหมายและให้ที่พักพิง ขณะที่นายสุรพงษ์ กองจันทึก พยานผู้เชี่ยวชาญยืนยัน ผอ.ทำตามกฎหมายและระเบียบกระทรวงศึกษาธิการอย่างถูกต้อง

นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖

เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ที่ผ่านมา พ.ต.ท.นิสิต นิวรณุสิต รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ได้แจ้งข้อกล่าวหา นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) และพวกรวม ๕ คน โดยระบุว่า เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำการด้วยประการใดๆอันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และร่วมกันโดยรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม

ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยมีสภาทนายความแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นทนายความให้ความช่วยเหลือ

จากกรณีที่นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) ได้รับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย จากจังหวัดเชียงราย จำนวน ๑๒๖ คนเข้าเรียนในโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ต่อมามีการร้องเรียนและแจ้งความ นำมาสู่การแจ้งข้อกล่าวหา

นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรรมการดำเนินการจัดการศึกษา แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในปี ๒๕๔๘ ตนได้ร่วมจัดทำระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ และเป็นผู้ที่จัดทำ คู่มือและแนวปฏิบัติ สำหรับการจัดการศึกษาแก่บุคคลไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย ปี ๒๕๕๐ ของกระทรวงศึกษาธิการ

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ ขอยืนยันว่าการที่ผู้อำนวยการรับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนและบันทึกข้อมูลเด็กนักเรียน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย คือ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ให้สถานศึกษามีหน้าที่รับเด็กทุกคนเข้าเรียนในสถานศึกษา อีกทั้งเงินอุดหนุนการศึกษาจัดให้แก่เด็กนักเรียนทุกคน แม้เป็นเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยก็ได้รับ รวมทั้งการที่ผู้ใหญ่บ้านรับรองเด็กในพื้นที่ในการปกครองเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๑๐ ที่ระบุว่า ผู้ใหญ่บ้านมีอำนาจหน้าที่ปกครองบรรดาราษฎรที่อยู่ในเขตหมู่บ้าน

นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรรมการดำเนินการจัดการศึกษา

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการฯปี ๒๕๔๘ เป็นกฎหมายที่รองรับมติคณะรัฐมนตรี ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ที่ระบุว่า ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร ซึ่งเดิมเคยจำกัดไว้ให้เฉพาะบางกลุ่ม บางระดับการศึกษา เป็นเปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศสามารถเข้าเรียนได้ โดยไม่จำกัดระดับ ประเภท หรือพื้นที่การศึกษา

เป็นไปตามหลักการ Education for all เพื่อให้เด็กทุกคนเข้าสู่สิทธิขั้นพื้นฐานคือการศึกษา แต่จากกรณีนี้มีเจ้าหน้าที่บางคนบิดเบือนมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่า “เปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศไทย” เป็น “ต้องเป็นบุคคลที่อาศัยในประเทศไทยมาก่อน” อันเป็นการจำกัดให้เด็กได้รับโอกาสทางการศึกษาในบางประเภทของเด็ก ซึ่งขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีที่ไม่จำกัดประเภท ดังนั้นการให้ความเห็นและตีความเองเจ้าหน้าที่บางคนจึงเป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีและขัดต่อระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๘

ในรอบ ๒๐ ปีที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาได้รับเด็กเหล่านี้เข้าสู่ระบบการศึกษานับแสนคน ทั้งเด็กที่อยู่ในเมืองและเด็กที่อยู่ในบริเวณชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งเด็กนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย

นายสุรพงษ์กล่าวว่า สำหรับข้อหานำพาคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พบว่าผอ.ไม่ได้ออกไปต่างประเทศและนำพาเด็กเหล่านี้เข้ามา แต่ไปรับเด็กเหล่านี้ในเขตดินแดนประเทศไทย จึงไม่ใช่ผู้นำพาเข้ามาจากต่างประเทศ และการนำเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างถูกต้องและเปิดเผย ไม่ใช่การปกปิดซ่อนเร้นเด็กเหล่านี้ให้พ้นการการจับกุม จึงไม่มีความผิดตามกฎหมายคนเข้าเมือง

นายสุรพงษ์กล่าวว่า การตั้งข้อกล่าวหาต่อผอ.ที่รับนักเรียนเข้าเรียน อาจสร้างความหวั่นไหวให้กับครูอาจารย์และสถานศึกษาจำนวนมากที่รับเด็กเหล่านี้เข้าเรียนตามกฎหมาย ซึ่งตนอยากให้กำลังใจบุคลากรทางการศึกษาที่ทำหน้าที่ของตน โดยยึดประโยชน์ทางการศึกษาของเด็กเป็นสำคัญ กรณีนี้หวังว่าทางอัยการจะไม่สั่งฟ้องเพราะไม่มีความผิดตามกฎหมาย ในทางตรงกันข้ามผอ.และพวกต้องได้รับการชื่นชมที่ทำหน้าที่ทางการศึกษาแก่กลุ่มเด็กที่ด้อยโอกาสเหล่านี้

Get notified whenever we post something new!

spot_img

Create a website from scratch

Just drag and drop elements in a page to get started with Newspaper Theme.

Continue reading

ทีมนักล่าสัตว์ ป่าทุ่งใหญ่ฯ

https://youtu.be/qUOMyGSZ8uk เช้าของวันที่ 13 เมษายน...วันปีใหม่ไทย เมื่อปี พ.ศ.2516 คณะนักอนุรกษ์ กรมป่าไม้ มีภาระกิจสำคัญ ในพื้นที่อยู่อาศัยยั่งยืน ของสัตว์ป่านานาชนิด...ที่นั่น ทุ่งใหญ่นเรศรวร...เช้าวันนั้น 52 ปี ผ่านไปนานแล้ว แต่ดวงวิญญาณสัตว์ป่า ที่ถูกมนุษย์ใจบาป ไล่ล่า ฆ่าเอาเนื้อ และบางส่วน ไปจากร่างของเขา ยังเป็นเจ้าป่า เฝ้าดูแลมรดกโลกแห่งนั้นอยู่มากมาย พวกเราพร้อมแล้ว ที่จะเผชิญหน้ากับกลุ่มนักล่าสัตว์ในเครื่องแบบ...ต่อไป เราถูกปลุกขึ้นมา ด้วยกลิ่นข้าวสวย ในกระบอกไม้ไผ่ ฝีมือน้องๆ นักศึกษาเป็นแม่ครัวหัวป่า อาหารมื้อเช้าวันสงกรานต์...ปลากระป๋องต้มยำ ก็พอเพียงกับมื้อแรก แค่รองท้อง... พวกเรารวมกลุ่ม...นั่งตรวจสอบข้อมูลของกลุ่มนักล่าสัตว์ อยู่ในแคมป์ ที่ต้องรู้ว่า มีคนในเครื่องแบบพวกไหนบ้าง ผมขอดูคนแรก เพราะรู้จากน้องๆ นักศึกษาว่า มีนายตำรวจใหญ่นครบาล รวมอยู่ด้วย...กับหลายคนที่ผมคุ้นเคย จึงต้องเปลี่ยนแผน...เอาผมไปลงข้างทาง ใกล้ๆ แคมป์ เพียงลำพัง จากนั้น พวกเราก็เริ่มเดินทางตามแผน...

วันที่ 13 เมษาฯ 2516 “52 ปีแห่งความหลัง”

https://youtu.be/WJrrV0v4pQU https://youtube.com/shorts/eWzXR8KgE3k ทุกๆ ปีของวันที่ 13 เมษายน...ภาพเก่าๆ ก็ “ย้อนอดีต” ให้เรากลับมาทบทวน เพื่อจะบอกกับ คนรุ่นปัจจุบัน ได้รู้ไว้... อะไรเกิดขึ้น เมื่อ 52 ปีผ่านมา...วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2516 วันสงกรานต์ในวันนั้น ผมกับ คุณไพบูลย์ สุขสุเมฆ นักข่าวประจำหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ของท่านอาจารย์หม่อมฯคึฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าข่าว สั่งให้เตรียมตัวเดินทาง ไปทำข่าวใหญ่ กับเจ้าหน้าที่ หน่วยอนุรักษ์ กรมป่าไม้...ในค่ำคืนนั้น ตกค่ำ...เจ้าที่ก็มารับขึ้นรถจี๊ป เดินทางมุ่งหน้าไปยังชายแดนตะวันตก “เสี่ยงหน่อยนะน้องนักข่าว...เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง”  พี่ป่าไม้บอก ก็รับรู้แค่...เดินทางค่อนข้างลำบาก เป้าหมายข้างหน้าจะได้เห็นกับตา ในป่าลึก พื้นที่ “ทุ่งใหญ่นเรศรวร” ตลอดเส้นทาง คืนนั้น...เราเห็นแค่ไฟหน้ารถส่องมองเส้นทาง ขึ้นเขาลงห้วย...

ตึกร้าง กสทช….แบบนี้ก็ได้หรือ?

https://youtube.com/shorts/lRVAsJbIdi0 หลังโซเชียลออกมาแฉตึกร้าง กสทช. นนทบุรี ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างกว่า 3 ปี สนง.กสทช.ได้ออกมาชี้แจง เหตุที่การก่อสร้างอาคารที่ทำการใหม่ กสทช. มูลค่า 2,643 ล้านต้องชะงักลง (ตามเอกสารชี้แจง) อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ กสทช. ชี้แจงกลับทำให้ผู้คนในสังคมกังขา และวิพากษ์หนักยิ่งขึ้นไปอีก! ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช.มีหนังสือชี้แจงต่อกรณีดังกล่าว สรุปใจความว่า "สำนักงาน กสทช. มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการใช้งานอาคารสำนักงาน ให้สอดคล้อง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ เนื่องจากมีการลดจำนวนคณะกรรมการ กสทช.ลงจาก 11 คนเหลือ 7 คน รวมถึงมีการปรับสายงานภายในสำนักงาน กสทช. ระหว่างการก่อสร้าง...

Enjoy exclusive access to all of our content

Get an online subscription and you can unlock any article you come across.