วันอังคาร, กันยายน 30, 2025
หน้าแรกคอลัมนิสต์สุรชา บุญเปี่ยมตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนรับเด็กไม่มีหลักฐานเข้ามาเรียนไม่ชอบ

ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนรับเด็กไม่มีหลักฐานเข้ามาเรียนไม่ชอบ

ตำรวจป่าโมก แจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) ที่รับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการรับและนำพาเด็กเข้าเมืองผิดกฎหมายและให้ที่พักพิง ขณะที่นายสุรพงษ์ กองจันทึก พยานผู้เชี่ยวชาญยืนยัน ผอ.ทำตามกฎหมายและระเบียบกระทรวงศึกษาธิการอย่างถูกต้อง

นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖

เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ที่ผ่านมา พ.ต.ท.นิสิต นิวรณุสิต รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ได้แจ้งข้อกล่าวหา นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) และพวกรวม ๕ คน โดยระบุว่า เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำการด้วยประการใดๆอันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และร่วมกันโดยรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม

ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยมีสภาทนายความแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นทนายความให้ความช่วยเหลือ

จากกรณีที่นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) ได้รับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย จากจังหวัดเชียงราย จำนวน ๑๒๖ คนเข้าเรียนในโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ต่อมามีการร้องเรียนและแจ้งความ นำมาสู่การแจ้งข้อกล่าวหา

นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรรมการดำเนินการจัดการศึกษา แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในปี ๒๕๔๘ ตนได้ร่วมจัดทำระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ และเป็นผู้ที่จัดทำ คู่มือและแนวปฏิบัติ สำหรับการจัดการศึกษาแก่บุคคลไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย ปี ๒๕๕๐ ของกระทรวงศึกษาธิการ

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ ขอยืนยันว่าการที่ผู้อำนวยการรับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนและบันทึกข้อมูลเด็กนักเรียน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย คือ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ให้สถานศึกษามีหน้าที่รับเด็กทุกคนเข้าเรียนในสถานศึกษา อีกทั้งเงินอุดหนุนการศึกษาจัดให้แก่เด็กนักเรียนทุกคน แม้เป็นเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยก็ได้รับ รวมทั้งการที่ผู้ใหญ่บ้านรับรองเด็กในพื้นที่ในการปกครองเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๑๐ ที่ระบุว่า ผู้ใหญ่บ้านมีอำนาจหน้าที่ปกครองบรรดาราษฎรที่อยู่ในเขตหมู่บ้าน

นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรรมการดำเนินการจัดการศึกษา

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการฯปี ๒๕๔๘ เป็นกฎหมายที่รองรับมติคณะรัฐมนตรี ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ที่ระบุว่า ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร ซึ่งเดิมเคยจำกัดไว้ให้เฉพาะบางกลุ่ม บางระดับการศึกษา เป็นเปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศสามารถเข้าเรียนได้ โดยไม่จำกัดระดับ ประเภท หรือพื้นที่การศึกษา

เป็นไปตามหลักการ Education for all เพื่อให้เด็กทุกคนเข้าสู่สิทธิขั้นพื้นฐานคือการศึกษา แต่จากกรณีนี้มีเจ้าหน้าที่บางคนบิดเบือนมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่า “เปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศไทย” เป็น “ต้องเป็นบุคคลที่อาศัยในประเทศไทยมาก่อน” อันเป็นการจำกัดให้เด็กได้รับโอกาสทางการศึกษาในบางประเภทของเด็ก ซึ่งขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีที่ไม่จำกัดประเภท ดังนั้นการให้ความเห็นและตีความเองเจ้าหน้าที่บางคนจึงเป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีและขัดต่อระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๘

ในรอบ ๒๐ ปีที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาได้รับเด็กเหล่านี้เข้าสู่ระบบการศึกษานับแสนคน ทั้งเด็กที่อยู่ในเมืองและเด็กที่อยู่ในบริเวณชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งเด็กนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย

นายสุรพงษ์กล่าวว่า สำหรับข้อหานำพาคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พบว่าผอ.ไม่ได้ออกไปต่างประเทศและนำพาเด็กเหล่านี้เข้ามา แต่ไปรับเด็กเหล่านี้ในเขตดินแดนประเทศไทย จึงไม่ใช่ผู้นำพาเข้ามาจากต่างประเทศ และการนำเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างถูกต้องและเปิดเผย ไม่ใช่การปกปิดซ่อนเร้นเด็กเหล่านี้ให้พ้นการการจับกุม จึงไม่มีความผิดตามกฎหมายคนเข้าเมือง

นายสุรพงษ์กล่าวว่า การตั้งข้อกล่าวหาต่อผอ.ที่รับนักเรียนเข้าเรียน อาจสร้างความหวั่นไหวให้กับครูอาจารย์และสถานศึกษาจำนวนมากที่รับเด็กเหล่านี้เข้าเรียนตามกฎหมาย ซึ่งตนอยากให้กำลังใจบุคลากรทางการศึกษาที่ทำหน้าที่ของตน โดยยึดประโยชน์ทางการศึกษาของเด็กเป็นสำคัญ กรณีนี้หวังว่าทางอัยการจะไม่สั่งฟ้องเพราะไม่มีความผิดตามกฎหมาย ในทางตรงกันข้ามผอ.และพวกต้องได้รับการชื่นชมที่ทำหน้าที่ทางการศึกษาแก่กลุ่มเด็กที่ด้อยโอกาสเหล่านี้

Get notified whenever we post something new!

spot_img

Create a website from scratch

Just drag and drop elements in a page to get started with Newspaper Theme.

Continue reading

“รมว.เฮ้ง” บัญชาการเอง!

https://youtu.be/p5hG9Vk2OK0 “...ในภาวะที่ความมั่นคงของชาติบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชากำลังถูกท้าทายอย่างหนัก หลังสัญญาณการปะทะปะทุขึ้นอีกครั้ง "รมว.เฮ้ง" นายสุชาติ ชมกลิ่น ในฐานะเจ้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ก้าวขึ้นมารับบทบาทสำคัญในแนวหลัง สั่งการบัญชาการด้วยตนเองให้เปิดพื้นที่อุทยานแห่งชาติทุกแห่งตามแนวชายแดนเป็น "ฐานที่มั่น" และ "พื้นที่ปลอดภัย" สำหรับอพยพประชาชน ถือเป็นการขานรับคำสั่งนายกรัฐมนตรีอย่างทันท่วงทีและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ สะท้อนภาพผู้นำที่พร้อมลุยในยามวิกฤต...” "สุชาติ" สั่งลุย! แปลงผืนป่าเป็นฐานทัพมนุษยธรรม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ทันทีที่ได้รับข้อสั่งการจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่รอช้า สั่งการด่วนไปยัง ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงฯ ให้ระดมสรรพกำลังทั้งหมดที่มีอยู่เข้าสู่ภาวะเตรียมพร้อมสูงสุด ปฏิบัติการภายใต้การบัญชาการของ "รมว.เฮ้ง" ครั้งนี้ มีเป้าหมายชัดเจน คือการเปลี่ยนพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่อยู่ใกล้เคียง...

เปิดปฏิบัติการ “พลิกฟื้นเส้นเลือดใหญ่”

“...20 กันยา “วันอนุรักษ์แม่น้ำ คู คลองแห่งชาติ” ปีนี้ไม่เหมือนเดิม! เมื่อ “ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์” ปลัดหญิง แห่ง ทส. ประกาศกร้าวกลางเวที “ทส. รวมใจ อนุรักษ์แม่น้ำ คู คลอง” ถึงเวลาพลิกฟื้นสายน้ำทั่วประเทศด้วยนโยบายเชิงรุก ดึงแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (National Adaptation Plan: NAP)” เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่คุกคามแหล่งน้ำของไทย พร้อมส่งสัญญาณถึงความร่วมมือทุกภาคส่วน นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนของการกอบกู้วิถีชีวิตริมน้ำได้หรือไม่?...” กลับมาอีกครั้งกับวันที่ 20 กันยายน “วันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง แห่งชาติ” วันที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเสด็จประพาสคลองแสนแสบอันเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกฟื้นชีวิตให้ลำคลอง แต่ทว่าในปี 2568...

“สุชาติ” ประกาศวิสัยทัศน์พลิกโฉม ทส.

https://youtu.be/VIQYnkIJxWA ก้าวแรกที่เปี่ยมด้วยพลังและความมุ่งมั่น! 'สุชาติ ชมกลิ่น' ประเดิมตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) อย่างเป็นทางการ ประกาศกร้าวถึงเจตนารมณ์ที่จะนำทัพขับเคลื่อนองค์กรสู่ยุคใหม่ ด้วยวิสัยทัศน์ 5 มิติที่ชัดเจน พร้อมสร้างบรรทัดฐานการทำงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเปิดกว้างรับฟังผู้มีความสามารถทุกคน เพื่อเร่งสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เปิดวิสัยทัศน์ 5 มิติ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 หลังเข้ารับตำแหน่ง นายสุชาติ ชมกลิ่น เดินทางเข้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประกาศแนวทางการทำงานที่ครอบคลุมและทันสมัย 5 ด้าน สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในปัญหาและความมุ่งมั่นที่จะยกระดับกระทรวงฯ สู่มาตรฐานใหม่ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ได้แก่: น้อมนำแนวพระราชดำริ: ใช้เป็นแกนหลักในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ผสานเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด สร้างเศรษฐกิจยั่งยืน: ผลักดันแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้เป็นเครื่องมือสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ชุมชนและประเทศ แก้ปัญหาภัยพิบัติเชิงรุก: บูรณาการทุกหน่วยงานในกระทรวงฯ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที จัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิต: ยกระดับการแก้ปัญหาฝุ่น...

Enjoy exclusive access to all of our content

Get an online subscription and you can unlock any article you come across.