วันเสาร์, สิงหาคม 16, 2025
หน้าแรกคอลัมนิสต์สุรชา บุญเปี่ยมตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนรับเด็กไม่มีหลักฐานเข้ามาเรียนไม่ชอบ

ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนรับเด็กไม่มีหลักฐานเข้ามาเรียนไม่ชอบ

ตำรวจป่าโมก แจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) ที่รับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการรับและนำพาเด็กเข้าเมืองผิดกฎหมายและให้ที่พักพิง ขณะที่นายสุรพงษ์ กองจันทึก พยานผู้เชี่ยวชาญยืนยัน ผอ.ทำตามกฎหมายและระเบียบกระทรวงศึกษาธิการอย่างถูกต้อง

นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖

เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ที่ผ่านมา พ.ต.ท.นิสิต นิวรณุสิต รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ได้แจ้งข้อกล่าวหา นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) และพวกรวม ๕ คน โดยระบุว่า เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำการด้วยประการใดๆอันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และร่วมกันโดยรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม

ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยมีสภาทนายความแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นทนายความให้ความช่วยเหลือ

จากกรณีที่นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) ได้รับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย จากจังหวัดเชียงราย จำนวน ๑๒๖ คนเข้าเรียนในโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ต่อมามีการร้องเรียนและแจ้งความ นำมาสู่การแจ้งข้อกล่าวหา

นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรรมการดำเนินการจัดการศึกษา แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในปี ๒๕๔๘ ตนได้ร่วมจัดทำระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ และเป็นผู้ที่จัดทำ คู่มือและแนวปฏิบัติ สำหรับการจัดการศึกษาแก่บุคคลไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย ปี ๒๕๕๐ ของกระทรวงศึกษาธิการ

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ ขอยืนยันว่าการที่ผู้อำนวยการรับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนและบันทึกข้อมูลเด็กนักเรียน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย คือ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ให้สถานศึกษามีหน้าที่รับเด็กทุกคนเข้าเรียนในสถานศึกษา อีกทั้งเงินอุดหนุนการศึกษาจัดให้แก่เด็กนักเรียนทุกคน แม้เป็นเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยก็ได้รับ รวมทั้งการที่ผู้ใหญ่บ้านรับรองเด็กในพื้นที่ในการปกครองเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๑๐ ที่ระบุว่า ผู้ใหญ่บ้านมีอำนาจหน้าที่ปกครองบรรดาราษฎรที่อยู่ในเขตหมู่บ้าน

นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรรมการดำเนินการจัดการศึกษา

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการฯปี ๒๕๔๘ เป็นกฎหมายที่รองรับมติคณะรัฐมนตรี ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ที่ระบุว่า ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร ซึ่งเดิมเคยจำกัดไว้ให้เฉพาะบางกลุ่ม บางระดับการศึกษา เป็นเปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศสามารถเข้าเรียนได้ โดยไม่จำกัดระดับ ประเภท หรือพื้นที่การศึกษา

เป็นไปตามหลักการ Education for all เพื่อให้เด็กทุกคนเข้าสู่สิทธิขั้นพื้นฐานคือการศึกษา แต่จากกรณีนี้มีเจ้าหน้าที่บางคนบิดเบือนมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่า “เปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศไทย” เป็น “ต้องเป็นบุคคลที่อาศัยในประเทศไทยมาก่อน” อันเป็นการจำกัดให้เด็กได้รับโอกาสทางการศึกษาในบางประเภทของเด็ก ซึ่งขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีที่ไม่จำกัดประเภท ดังนั้นการให้ความเห็นและตีความเองเจ้าหน้าที่บางคนจึงเป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีและขัดต่อระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๘

ในรอบ ๒๐ ปีที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาได้รับเด็กเหล่านี้เข้าสู่ระบบการศึกษานับแสนคน ทั้งเด็กที่อยู่ในเมืองและเด็กที่อยู่ในบริเวณชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งเด็กนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย

นายสุรพงษ์กล่าวว่า สำหรับข้อหานำพาคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พบว่าผอ.ไม่ได้ออกไปต่างประเทศและนำพาเด็กเหล่านี้เข้ามา แต่ไปรับเด็กเหล่านี้ในเขตดินแดนประเทศไทย จึงไม่ใช่ผู้นำพาเข้ามาจากต่างประเทศ และการนำเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างถูกต้องและเปิดเผย ไม่ใช่การปกปิดซ่อนเร้นเด็กเหล่านี้ให้พ้นการการจับกุม จึงไม่มีความผิดตามกฎหมายคนเข้าเมือง

นายสุรพงษ์กล่าวว่า การตั้งข้อกล่าวหาต่อผอ.ที่รับนักเรียนเข้าเรียน อาจสร้างความหวั่นไหวให้กับครูอาจารย์และสถานศึกษาจำนวนมากที่รับเด็กเหล่านี้เข้าเรียนตามกฎหมาย ซึ่งตนอยากให้กำลังใจบุคลากรทางการศึกษาที่ทำหน้าที่ของตน โดยยึดประโยชน์ทางการศึกษาของเด็กเป็นสำคัญ กรณีนี้หวังว่าทางอัยการจะไม่สั่งฟ้องเพราะไม่มีความผิดตามกฎหมาย ในทางตรงกันข้ามผอ.และพวกต้องได้รับการชื่นชมที่ทำหน้าที่ทางการศึกษาแก่กลุ่มเด็กที่ด้อยโอกาสเหล่านี้

Get notified whenever we post something new!

spot_img

Create a website from scratch

Just drag and drop elements in a page to get started with Newspaper Theme.

Continue reading

คำตอบจากใจ “บิ๊กป้อม”

“...ควันหลงวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 79 ปี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้อนรับ บุคคลใกล้ชิด ทั้งทหารตำรวจ นักการเมือง รวมทั้งสื่อมวลชน พร้อมคณะต่างๆ ร่วมอวยพรจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศเรียบง่าย เป็นกันเอง...” เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในงาน มีผู้คนจำนวนมาก ทุกคน ทุกคณะ มาแสดงความเคารพเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 79 ปื ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วยความเคารพรัก ความผูกพัน เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตากับทุกคน เป็นที่เคารพนับถือของผู้คน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ รวมทั้งข้าราชการ นักการเมือง...

เกมดึงอดีตขุนพลเพื่อไทย

ในจังหวะที่สมรภูมิการเมืองไทยกำลังร้อนแรง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายใต้การนำของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ปรับหมากรุกครั้งสำคัญ ด้วยการเปิดประตูรับอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทยจำนวนมากเข้าสู่ทีม ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เพียงส่งสัญญาณท้าทายคู่แข่ง แต่ยังสะท้อนวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างเครือข่ายอำนาจการเมืองข้ามขั้วอย่างชัดเจน การย้ายขั้วที่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ กระแสข่าวระบุว่าบุคคลที่ตัดสินใจเข้ามาร่วม พปชร. ล้วนเคยมีบทบาทสำคัญในพื้นที่เลือกตั้งเดิมของเพื่อไทย การเคลื่อนกำลังครั้งนี้จึงอาจไม่ใช่เพียงการ “รับคน” แต่เป็นการ “ดึงฐานเสียง” มาเสริมทัพอย่างตรงจุด โดยเฉพาะในจังหวัดที่ถูกมองว่าเป็นฐานเสียงเหนียวแน่นของอีกฝ่าย กลยุทธ์ "รวมพลัง" หรือ "แย่งพลัง"? การเคลื่อนไหวนี้ทำให้เกิดคำถามทางการเมืองสำคัญ—นี่คือการรวมพลังเพื่อต่อสู้กับพรรคการเมืองคู่แข่ง หรือคือการแย่งชิงพลังจากฝ่ายตรงข้ามเพื่อลดความแข็งแกร่งของเขตเลือกตั้ง? ในมิติยุทธศาสตร์ หาก พปชร.สามารถเปิดพื้นที่ในฐานเสียงเดิมของเพื่อไทยได้ ก็อาจเปลี่ยนสมการการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างมีนัยสำคัญ พลเอกประวิตรในบทผู้ออกแบบเกมเลือกตั้ง แม้จะไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เชิงลึก แต่ทิศทางการเคลื่อนไหวชี้ให้เห็นถึง วิสัยทัศน์เชิงเครือข่าย ของพลเอกประวิตร ที่มักมองการเมืองแบบ “เก็บทุกแรง” ไม่ทิ้งโอกาส ไม่ปิดประตูต่ออดีตคู่แข่ง การดึงอดีตนักการเมืองจากฝั่งตรงข้ามเข้ามา อาจสะท้อนภาพลักษณ์ผู้นำที่มุ่งใช้ประสบการณ์และสายสัมพันธ์ส่วนตัว เพื่อเสริมแกร่งให้กับพรรคในทุกสมรภูมิ คำถามที่สังคมจับตา การรวมอดีตคู่แข่งจะนำไปสู่ความสามัคคีจริง หรือจะเกิดความแตกแยกภายใน? การดึงตัวบุคคลสำคัญจากเพื่อไทยครั้งนี้ จะเพียงพอเปลี่ยนดุลอำนาจในพื้นที่เลือกตั้งสำคัญหรือไม่? และสุดท้าย—นี่คือสัญญาณของการต่อสู้ระหว่างขั้วอำนาจเก่ากับขั้วอำนาจใหม่ หรือเป็นเพียงการปรับสมดุลเพื่อความอยู่รอดของพรรค? สิ่งที่แน่ชัดคือ...

“อุ๊” เชียร์ “ลุงป้อม” เป็นนายกฯ

อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดัง โพสต์ข้อความว่า เมื่อวานนี้ 11 สิงหาคม 2568 อุ๊ไปร้องเพลงที่งานวันเกิด ท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (ลุงป้อม) อุ๊ได้ถามท่านเรื่อง ปัญหาไทย-กัมพูชา เราควรแก้ปัญหาอย่างไร ลุงป้อมบอกว่า ต้องยกเลิก MOU 43-44 เคลียร์เรื่องพรมแดนให้ชัด และแนวชายแดนไทย-กัมพูชาต้องสร้าง “กำแพง” ไม่ให้กัมพูชาล้ำเขตแดนเราได้อีกต่อไป https://youtube.com/shorts/Ciwgn2Of0GY งั้นอุ๊จะขอสนับสนุน ขอเชียร์ลุงป้อม ขอให้ลุงป้อมเป็นนายกฯสมัยหน้านะคะ เราอาจจะได้เห็นกำแพงเมืองไทยค่ะ ลุงป้อมให้กล้องยาสูบเป็นที่ระลึก อุ๊ไม่รู้เลยว่าเป็นของแพงมาก เพื่อนในงานบอกถึงได้รู้ว่า ท่านสะสมไปป์เป็นคอลเลคชั่น ที่ท่านให้อุ๊มาเป็นไปป์ที่ทำจากต้นกุหลาบ เป็นหนึ่งใน Collection ของลุง ว้าววววววๆ เหมาะมากเลย อุ๊ชอบมาก ขอบคุณลุงป้อมมากๆๆๆนะคะ ก่อนกลับอุ๊ขอโรตีกลับบ้านด้วย เพราะลูกชอบกิน อร่อยมาก...

Enjoy exclusive access to all of our content

Get an online subscription and you can unlock any article you come across.