วันเสาร์, พฤศจิกายน 15, 2025
หน้าแรกคอลัมนิสต์สุรชา บุญเปี่ยมตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนรับเด็กไม่มีหลักฐานเข้ามาเรียนไม่ชอบ

ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนรับเด็กไม่มีหลักฐานเข้ามาเรียนไม่ชอบ

ตำรวจป่าโมก แจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) ที่รับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการรับและนำพาเด็กเข้าเมืองผิดกฎหมายและให้ที่พักพิง ขณะที่นายสุรพงษ์ กองจันทึก พยานผู้เชี่ยวชาญยืนยัน ผอ.ทำตามกฎหมายและระเบียบกระทรวงศึกษาธิการอย่างถูกต้อง

นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖

เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ที่ผ่านมา พ.ต.ท.นิสิต นิวรณุสิต รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ได้แจ้งข้อกล่าวหา นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) และพวกรวม ๕ คน โดยระบุว่า เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำการด้วยประการใดๆอันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และร่วมกันโดยรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม

ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยมีสภาทนายความแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นทนายความให้ความช่วยเหลือ

จากกรณีที่นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) ได้รับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย จากจังหวัดเชียงราย จำนวน ๑๒๖ คนเข้าเรียนในโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ต่อมามีการร้องเรียนและแจ้งความ นำมาสู่การแจ้งข้อกล่าวหา

นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรรมการดำเนินการจัดการศึกษา แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในปี ๒๕๔๘ ตนได้ร่วมจัดทำระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ และเป็นผู้ที่จัดทำ คู่มือและแนวปฏิบัติ สำหรับการจัดการศึกษาแก่บุคคลไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย ปี ๒๕๕๐ ของกระทรวงศึกษาธิการ

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ ขอยืนยันว่าการที่ผู้อำนวยการรับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนและบันทึกข้อมูลเด็กนักเรียน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย คือ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ให้สถานศึกษามีหน้าที่รับเด็กทุกคนเข้าเรียนในสถานศึกษา อีกทั้งเงินอุดหนุนการศึกษาจัดให้แก่เด็กนักเรียนทุกคน แม้เป็นเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยก็ได้รับ รวมทั้งการที่ผู้ใหญ่บ้านรับรองเด็กในพื้นที่ในการปกครองเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๑๐ ที่ระบุว่า ผู้ใหญ่บ้านมีอำนาจหน้าที่ปกครองบรรดาราษฎรที่อยู่ในเขตหมู่บ้าน

นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรรมการดำเนินการจัดการศึกษา

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการฯปี ๒๕๔๘ เป็นกฎหมายที่รองรับมติคณะรัฐมนตรี ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ที่ระบุว่า ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร ซึ่งเดิมเคยจำกัดไว้ให้เฉพาะบางกลุ่ม บางระดับการศึกษา เป็นเปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศสามารถเข้าเรียนได้ โดยไม่จำกัดระดับ ประเภท หรือพื้นที่การศึกษา

เป็นไปตามหลักการ Education for all เพื่อให้เด็กทุกคนเข้าสู่สิทธิขั้นพื้นฐานคือการศึกษา แต่จากกรณีนี้มีเจ้าหน้าที่บางคนบิดเบือนมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่า “เปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศไทย” เป็น “ต้องเป็นบุคคลที่อาศัยในประเทศไทยมาก่อน” อันเป็นการจำกัดให้เด็กได้รับโอกาสทางการศึกษาในบางประเภทของเด็ก ซึ่งขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีที่ไม่จำกัดประเภท ดังนั้นการให้ความเห็นและตีความเองเจ้าหน้าที่บางคนจึงเป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีและขัดต่อระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๘

ในรอบ ๒๐ ปีที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาได้รับเด็กเหล่านี้เข้าสู่ระบบการศึกษานับแสนคน ทั้งเด็กที่อยู่ในเมืองและเด็กที่อยู่ในบริเวณชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งเด็กนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย

นายสุรพงษ์กล่าวว่า สำหรับข้อหานำพาคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พบว่าผอ.ไม่ได้ออกไปต่างประเทศและนำพาเด็กเหล่านี้เข้ามา แต่ไปรับเด็กเหล่านี้ในเขตดินแดนประเทศไทย จึงไม่ใช่ผู้นำพาเข้ามาจากต่างประเทศ และการนำเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างถูกต้องและเปิดเผย ไม่ใช่การปกปิดซ่อนเร้นเด็กเหล่านี้ให้พ้นการการจับกุม จึงไม่มีความผิดตามกฎหมายคนเข้าเมือง

นายสุรพงษ์กล่าวว่า การตั้งข้อกล่าวหาต่อผอ.ที่รับนักเรียนเข้าเรียน อาจสร้างความหวั่นไหวให้กับครูอาจารย์และสถานศึกษาจำนวนมากที่รับเด็กเหล่านี้เข้าเรียนตามกฎหมาย ซึ่งตนอยากให้กำลังใจบุคลากรทางการศึกษาที่ทำหน้าที่ของตน โดยยึดประโยชน์ทางการศึกษาของเด็กเป็นสำคัญ กรณีนี้หวังว่าทางอัยการจะไม่สั่งฟ้องเพราะไม่มีความผิดตามกฎหมาย ในทางตรงกันข้ามผอ.และพวกต้องได้รับการชื่นชมที่ทำหน้าที่ทางการศึกษาแก่กลุ่มเด็กที่ด้อยโอกาสเหล่านี้

Get notified whenever we post something new!

spot_img

Create a website from scratch

Just drag and drop elements in a page to get started with Newspaper Theme.

Continue reading

ช็อก! ตากแดด 7 โมงเช้า “สูญเปล่า” หมอเอ๋ชี้ พลาด “วิตามินดี” และประโยชน์เทียบชั้น “ไวอาก้า”

https://youtu.be/OTI7Cp1hwlg “...คนไทยจำนวนมากยังคงเชื่อฝังใจว่า การตากแดดเช้าตรู่ 7-8 โมงเช้า คือเวลาที่ดีที่สุดต่อสุขภาพ แต่ความเชื่อนี้ อาจกำลังทำร้ายสุขภาพคนไทยโดยไม่รู้ตัว! "สืบสุขภาพ" เปิดประเด็นสุขภาพที่น่าตกใจ เมื่อการตากแดดของเรา อาจกลายเป็นความพยายามที่ "สูญเปล่า" และยังทำให้เราพลาดประโยชน์ลับในการ "ขยายหลอดเลือด" ซึ่งเป็นกลไกเดียวกับที่ "ไวอาก้า" ใช้! นี่คือความจริงที่คนไทยต้องรู้ ก่อนที่การขาดวิตามินดีจะกลายเป็นวิกฤติเงียบ เรื่องนี้กระทบสุขภาพคนไทยมากกว่าที่คิดหรือไม่?...” "สืบสุขภาพ" ได้รับการยืนยันข้อเท็จจริงทางการแพทย์ที่สวนกระแสความเชื่อดั้งเดิม จาก “คุณหมอเอ๋” นาวาเอก นายแพทย์ พนิต จันทรภักดี ผู้เชี่ยวชาญที่ชี้ชัดว่า ความพยายามตากแดดเพื่อสังเคราะห์วิตามินดีในตอนเช้าตรู่ อาจเป็นความพยายามที่ "ไร้ผล" “คุณหมอเอ๋” น.อ.นพ.พนิต วิเคราะห์ปรากฏการณ์นี้ว่า "สิ่งที่เราต้องการจากการตากแดด คือวิตามินดี ซึ่งร่างกายจะสังเคราะห์ได้เมื่อผิวหนังโดนรังสียูวีบี (UVB) เท่านั้น" ปัญหาคืออะไร? ปัญหาคือคนไทยเลือกเวลาตากแดดผิด! “คุณหมอเอ๋”...

ลั่นไก…ล้มโต๊ะ! ถอดรหัส “วีระ” ชำแหละเกมเขมร “สร้างสถานการณ์” ปมเลือดชายแดน ปฏิบัติการสกัดปักปัน หรือใบสั่ง “มือที่สาม”

https://youtu.be/SSsw8-Vg2GI “...เสียงปืนที่ชายแดน ยังไม่ดังเท่าเสียงท้าทายจาก "วีระ สมความคิด" ที่อัด "อนุทิน" ไม่จริงใจแก้ปัญหาชาติ ซัดภาพน้ำตาเป็นแค่ "ละครการเมือง" ท้าลั่น "ให้ผมเป็นนายกฯ 4 เดือน" จะล้างบางสแกมเมอร์-ทวงอธิปไตยให้ดู... ถาม “ปัญหาอยู่ที่เขมร หรืออยู่ที่ "ผู้นำไทย" ที่ไม่กล้า”?..” “สืบจากข่าว” ทำการถอดรหัสบทวิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จาก “วีระ สมความคิด” หลังเกิดเหตุปะทะล่าสุดที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งทหารไทยต้องสูญเสียอวัยวะ (ขาขาด) เป็นรายที่ 7 และนำไปสู่ท่าที "ขึงขัง" ของนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศว่า "ปฏิญญาสันติภาพ" ที่เพิ่งลงนามไปนั้น "ยุติ" แล้ว ประเด็นที่ต้องจับตาคือ เหตุการณ์นี้มี “ความคล้ายคลึง” อย่างน่าสงสัย...

“ภาษาจีน “แพร่หลายทุกทิศทาง”“ ทั้งโลกใช้กันทั่วไป “พร้อมกับ “การค้าการลงทุน”

“….ในบริบทที่ทั้งโลกเชื่อมโยงกันเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันทางด้านการรับรู้ ด้วยระบบการสื่อสารไวเท่าแสงหลากหลายช่องทางอย่างเช่นทุกวันนี้ ข่าวคราวความเจริญก้าวหน้าของจีนแพร่กระจายไปทุกทิศทาง สะท้อนถึงพลังการผลิตมหาศาลของจีนที่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด โดยมีผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีล้ำยุคเป็นตัวนำ จากนี้ จึงไม่มีเหตุผลใดๆที่จะมายับยั้งการแพร่หลายของภาษาจีนไปทั่วโลก จะมากขึ้นและเร็วขึ้นตามการขยายตัวในมิติต่างๆของจีน ซึ่งในระดับรัฐ โครงการ"ขงจื่อเสวเวี้ยน" หรือสถาบันภาษาจีนขงจื่อได้กระจายแพร่หลายไปในหลายสิบประเทศ สามารถผลิตบุคลากรทางด้านภาษาจีนที่มีมาตรฐานในทุกทวีปนับหมื่นนับแสน และในระดับท้องถิ่น มีโรงเรียนสอนภาษาจีนเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด โดยแต่ละโรงเรียนจะได้รับแรงสนับสนุนจากชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลอย่างแข็งขัน ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศมาเลเซีย ที่ได้ดำรง"ระบบนิเวศ" การสอนภาษาจีนที่เป็นของตนเองได้สมบูรณ์ที่สุด เป็นรองเพียงแผ่นดินใหญ่จีนเท่านั้น จำนวนนักเรียนที่เรียนภาษาจีนนับวันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ โดยเฉพาะในประเทศที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับจีนมากๆ เช่นลาว เวียดนาม หรือกระทั่งประเทศไทย…” https://youtu.be/UwcZZGLHmb0 ภาษาจีน ทั้งโลกใช้กันทั่วไป 中文,全球通用 ยังครับ สิ่งที่ผู้เขียนพาดหัวนี้ ปัจจุบันยังไม่ปรากฏนะครับ แต่ก็เชื่อได้ว่า มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และเป็นไปอย่างรวดเร็วด้วย ด้วยแนวคิดที่ยึดเอาประวัติศาสตร์วิวัฒนาการของพลังการผลิตเป็นฐาน การบริหารปกครองเป็นองค์ประกอบ ทำให้ผู้เขียนสามารถล้วงลึกลงไปถึงแก่นแท้ของการขับเคลื่อนของกงล้อประวัติศาสตร์ แล้วสะท้อนออกมาเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปธรรมที่เราๆท่านๆเข้าใจได้ อีกนัยหนึ่ง ผู้เขียนใช้เครื่องมือชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่าวัตถุนิยมประวัติศาสตร์จับทิศทางการขับเคลื่อนของสังคมโลก เข้าถึงกฏเกณฑ์การขับเคลื่อนของสังคมโลก โดยเฉพาะในบริบทที่ทั้งโลกเชื่อมโยงกันเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันทางด้านการรับรู้ ด้วยระบบการสื่อสารไวเท่าแสงหลากหลายช่องทางอย่างเช่นทุกวันนี้ สิ่งที่ผู้เขียนนำเสนอย่อมง่ายมากที่จะเป็นที่เข้าใจของคนทั่วไป ที่เด่นชัดที่สุดก็เรื่องจีน...

Enjoy exclusive access to all of our content

Get an online subscription and you can unlock any article you come across.