วันพุธ, กรกฎาคม 2, 2025
หน้าแรกคอลัมนิสต์สุรชา บุญเปี่ยมตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนรับเด็กไม่มีหลักฐานเข้ามาเรียนไม่ชอบ

ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนรับเด็กไม่มีหลักฐานเข้ามาเรียนไม่ชอบ

ตำรวจป่าโมก แจ้งข้อกล่าวหา ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) ที่รับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการรับและนำพาเด็กเข้าเมืองผิดกฎหมายและให้ที่พักพิง ขณะที่นายสุรพงษ์ กองจันทึก พยานผู้เชี่ยวชาญยืนยัน ผอ.ทำตามกฎหมายและระเบียบกระทรวงศึกษาธิการอย่างถูกต้อง

นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖

เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ที่ผ่านมา พ.ต.ท.นิสิต นิวรณุสิต รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ได้แจ้งข้อกล่าวหา นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) และพวกรวม ๕ คน โดยระบุว่า เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำการด้วยประการใดๆอันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และร่วมกันโดยรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม

ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยมีสภาทนายความแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นทนายความให้ความช่วยเหลือ

จากกรณีที่นางกัลยา ทาสม ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) ได้รับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย จากจังหวัดเชียงราย จำนวน ๑๒๖ คนเข้าเรียนในโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ต่อมามีการร้องเรียนและแจ้งความ นำมาสู่การแจ้งข้อกล่าวหา

นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรรมการดำเนินการจัดการศึกษา แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในปี ๒๕๔๘ ตนได้ร่วมจัดทำระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ และเป็นผู้ที่จัดทำ คู่มือและแนวปฏิบัติ สำหรับการจัดการศึกษาแก่บุคคลไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย ปี ๒๕๕๐ ของกระทรวงศึกษาธิการ

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ ขอยืนยันว่าการที่ผู้อำนวยการรับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนและบันทึกข้อมูลเด็กนักเรียน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย คือ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ให้สถานศึกษามีหน้าที่รับเด็กทุกคนเข้าเรียนในสถานศึกษา อีกทั้งเงินอุดหนุนการศึกษาจัดให้แก่เด็กนักเรียนทุกคน แม้เป็นเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยก็ได้รับ รวมทั้งการที่ผู้ใหญ่บ้านรับรองเด็กในพื้นที่ในการปกครองเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๑๐ ที่ระบุว่า ผู้ใหญ่บ้านมีอำนาจหน้าที่ปกครองบรรดาราษฎรที่อยู่ในเขตหมู่บ้าน

นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรรมการดำเนินการจัดการศึกษา

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการฯปี ๒๕๔๘ เป็นกฎหมายที่รองรับมติคณะรัฐมนตรี ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ที่ระบุว่า ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร ซึ่งเดิมเคยจำกัดไว้ให้เฉพาะบางกลุ่ม บางระดับการศึกษา เป็นเปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศสามารถเข้าเรียนได้ โดยไม่จำกัดระดับ ประเภท หรือพื้นที่การศึกษา

เป็นไปตามหลักการ Education for all เพื่อให้เด็กทุกคนเข้าสู่สิทธิขั้นพื้นฐานคือการศึกษา แต่จากกรณีนี้มีเจ้าหน้าที่บางคนบิดเบือนมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่า “เปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศไทย” เป็น “ต้องเป็นบุคคลที่อาศัยในประเทศไทยมาก่อน” อันเป็นการจำกัดให้เด็กได้รับโอกาสทางการศึกษาในบางประเภทของเด็ก ซึ่งขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีที่ไม่จำกัดประเภท ดังนั้นการให้ความเห็นและตีความเองเจ้าหน้าที่บางคนจึงเป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีและขัดต่อระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๘

ในรอบ ๒๐ ปีที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาได้รับเด็กเหล่านี้เข้าสู่ระบบการศึกษานับแสนคน ทั้งเด็กที่อยู่ในเมืองและเด็กที่อยู่ในบริเวณชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งเด็กนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย

นายสุรพงษ์กล่าวว่า สำหรับข้อหานำพาคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พบว่าผอ.ไม่ได้ออกไปต่างประเทศและนำพาเด็กเหล่านี้เข้ามา แต่ไปรับเด็กเหล่านี้ในเขตดินแดนประเทศไทย จึงไม่ใช่ผู้นำพาเข้ามาจากต่างประเทศ และการนำเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างถูกต้องและเปิดเผย ไม่ใช่การปกปิดซ่อนเร้นเด็กเหล่านี้ให้พ้นการการจับกุม จึงไม่มีความผิดตามกฎหมายคนเข้าเมือง

นายสุรพงษ์กล่าวว่า การตั้งข้อกล่าวหาต่อผอ.ที่รับนักเรียนเข้าเรียน อาจสร้างความหวั่นไหวให้กับครูอาจารย์และสถานศึกษาจำนวนมากที่รับเด็กเหล่านี้เข้าเรียนตามกฎหมาย ซึ่งตนอยากให้กำลังใจบุคลากรทางการศึกษาที่ทำหน้าที่ของตน โดยยึดประโยชน์ทางการศึกษาของเด็กเป็นสำคัญ กรณีนี้หวังว่าทางอัยการจะไม่สั่งฟ้องเพราะไม่มีความผิดตามกฎหมาย ในทางตรงกันข้ามผอ.และพวกต้องได้รับการชื่นชมที่ทำหน้าที่ทางการศึกษาแก่กลุ่มเด็กที่ด้อยโอกาสเหล่านี้

Get notified whenever we post something new!

spot_img

Create a website from scratch

Just drag and drop elements in a page to get started with Newspaper Theme.

Continue reading

พลังมวลชน “เดินหน้าสถาปนา”“ระบอบปชต.ประชาชน”“อัตลักษณ์ไทย”

“….ประเทศไทยติดหล่มการเมืองเลือกตั้ง วนเวียนอยู่กับการสับเปลี่ยนรัฐบาลที่ได้แต่ผู้นำด้อยความสามารถขึ้นบริหารประเทศ สร้างความเบื่อหน่ายให้ประชาชนเป็นอย่างมาก แต่ก็จนปัญญาเพราะไร้ทางออก ทำได้อย่างมากเพียงแค่สละสิทธิ์ไม่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หากการเปลี่ยนแปลงใหญ่ทางการเมือง จากการเมืองระบอบประชาธิปไตยทุนนิยมเลือกตั้ง ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาก้าวหน้าของประเทศชาติและการสร้างความผาสุกให้แก่ประชาชน ไปเป็นประชาธิปไตยประชาชนคัดสรรโดยสภาประชาชนซึ่งเป็นกลไกอำนาจสูงสุดหนึ่งเดียว อันเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันเข้าของปวงชนชาวไทยที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของชาติและประชาชนไทยโดยรวม ที่หลุดพ้นจากการครอบงำของกลุ่มผลประโยชน์ใดๆอย่างสิ้นเชิง นั่นก็คือประชาชนชาวไทยทุกภาคส่วน มาร่วมกันเป็น"เจ้าภาพ" ขับเคลื่อนกระบวนการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้ให้สามารถดำเนินไปได้เป็นขั้นๆ จนกระทั่งสามารถสถาปนาระบอบประชาธิปไตยประชาชนอัตลักษณ์ไทยได้สำเร็จ จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนนี่คือจุดเริ่มต้นของความเป็น"อัตลักษณ์ไทย" ยุคใหม่ ที่จะไม่เหมือนใครในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว….” https://youtu.be/Zd-MwfA3G04 เดินหน้าสถาปนาระบอบประชาธิปไตยประชาชนอัตลักษณ์ไทย为建立泰国特色人民民主制度向前迈进! การชุมนุมมวลชนครั้งใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่28มิถุนายนที่ผ่านมา จับแนวคิดชี้นำได้ว่ากำลังมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ทางการเมือง จากการเมืองระบอบประชาธิปไตยทุนนิยมเลือกตั้ง ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาก้าวหน้าของประเทศชาติและการสร้างความผาสุกให้แก่ประชาชน ไปเป็นประชาธิปไตยประชาชนคัดสรรโดยสภาประชาชนซึ่งเป็นกลไกอำนาจสูงสุดหนึ่งเดียว อันเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันเข้าของปวงชนชาวไทยที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของชาติและประชาชนไทยโดยรวม ที่หลุดพ้นจากการครอบงำของกลุ่มผลประโยชน์ใดๆอย่างสิ้นเชิง มองในสายตาประวัติศาสตร์ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเขียนประวัติศาสตร์โดยประชาชนของประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ ไม่เพียงแต่กับประเทศไทยเท่านั้น เพราะการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ที่โดดเด่นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมประเทศชาติได้สูงสุด และยังความผาสุกอยู่ดีกินดี ให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึงที่สุด ก็คือระบอบประชาธิปไตยประชาชนตลอดกระบวนการ หรือ"เฉวียนกั้วเฉิง เหรินหมืนหมิ่นจู่" (全过程人民民主)ของจีน ความก้าวหน้าของระบอบประชาธิปไตยประชาชนจีน ที่สะท้อนออกมาอย่างทั่วด้านทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การเมืองการทหาร...

“ความคิดเป็นเอกภาพ”เจตนารมณ์ร่วม “เป็นหนึ่งเดียว”“เป้าหมายชัดเจน”คือ“ชัยชนะทางยุทธศาสตร์”ของไทย

“…..ความคิดเป็นเอกภาพ เจตนารมณ์ร่วมเป็นหนึ่งเดียว และเป้าหมายชัดเจน 3 สิ่งนี้คือหลักประกันชัยชนะในแต่ละขั้นตอน ซึ่งก็คือชัยชนะทางยุทธศาสตร์ของการขับเคลื่อนการปรับปรุงใหม่ประเทศไทยครั้งนี้ผู้เขียนยึดหลัก"ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว" ขับเคลื่อนทุกอย่างที่จะนำไปสู่ชัยชนะ จะต้องเริ่มจากความเป็นจริง หรือ"หาสัจจะจากความเป็นจริง" ใช้หลักปรัชญาวัตถุนิยมประวัติศาสตร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ ยืนยันถึงความเป็นวิทยาศาสตร์ของหลักวินิจฉัยที่ว่า พลังการผลิตคือตัวแปรหลักในการพัฒนาก้าวหน้าของสังคมมนุษย์ ประชาชนคือปัจจัยชี้ขาดของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในแต่ละขั้นตอน ประชาชนคือผู้สร้างประวัติศาสตร์! วันนี้ขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่ได้หลุดจากสภาวะการแบ่งแยกตามสีเสื้อ มารวมตัวกันเข้าเป็นหนึ่งเดียวแล้ว จะสามารถแสดงบทบาทเป็นผู้กำหนดเกมการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้ได้เป็นอย่างดี โดยการจับมือกันของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล กับคุณจตุพร พรหมพันธุ์ เมื่อวันที่25พฤษภาคมนี้ เป้าหมายไปยังการปรับปรุงใหม่ประเทศไทย ถัดจากนี้ไป การขับเคลื่อนจะเป็นไปได้ดีแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับความตื่นรู้ของมวลชน และยุทธศาสตร์ยุทธวิธีในการเคลื่อนไหวต่อสู้ ซึ่งหนีไม่พ้นการนำของคณะผู้นำว่าชาญฉลาดมากน้อยแค่ไหน สามารถได้รับชัยชนะทางยุทธศาสตร์ในแต่ละขั้นตอนมากน้อยเพียงใด…” https://youtu.be/Lyf3bIN3usg ชัยชนะทางยุทธศาสตร์ 战略胜利 ความคิดเป็นเอกภาพ เจตนารมณ์ร่วมเป็นหนึ่งเดียว และเป้าหมายชัดเจน 3 สิ่งนี้คือหลักประกันชัยชนะในแต่ละขั้นตอน ซึ่งก็คือชัยชนะทางยุทธศาสตร์ของการขับเคลื่อนการปรับปรุงใหม่ประเทศไทยครั้งนี้ ก่อนอื่น ผู้เขียนขอออกตัวตรงนี้ว่า ข้อเขียนนี้มิใช่การปลุกระดมหรือชี้นำอะไร เป็นเพียงข้อวินิจฉัยส่วนตัวตามความเข้าใจของผู้เขียนเอง โดยพื้นฐานแล้ว ข้อเขียนต่างๆทั้งที่เกี่ยวกับจีน...

“แปรสนามรบเป็นสนามการค้า”!!!

https://youtu.be/vfTFssJxDbk เรื่องราวต่างๆ ในโลก บ้างถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ บ้างกลายเป็น “ความลับ” ของคนเพียงไม่กี่คน บางเรื่องสูญสลายไปกับการตายดับของบางคน แต่ละเรื่องมีมุมมองมุมรับรู้กันคนละมิติ มีทั้งจริง 100 % จริงแค่ 80% บางประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ มีความจริงแค่บางส่วน หรือไม่จริงทั้ง 100% ก็มี..จริงไหมล่ะ? วันหนึ่งพี่โต้งเดินมาหาผมที่โต๊ะทำงาน หลังผมเล่าเรื่อง “เบี้ยวเป็นเบี้ยว” ที่ พีรพลกับผมเจอพ่อค้าทั้งไทยและเทศเบี้ยวหลายครั้งในเวียดนาม รวมทั้งคนไทยที่ผมกับพี่โต้งรู้จัก ก็ล้วนโดนเบี้ยวมาแล้วเช่นกัน พี่โต้งถามผมว่า “แล้วทางเวียดนามเคยช่วยอะไรพวกเราบ้างไหม ชัช?” “ผมยังไม่เห็นใครช่วยเลยครับพี่โต้ง แต่ต้องชมพีรพล เขาเก่งและอดทนมากครับ ถึงเขาจะยังไม่ได้เงิน แต่เขาได้สร้างเครือข่ายอย่างมากมายในเวียดนาม ผมรู้มาว่าพีรพลต้องเป็นหนี้สินเยอะเลยครับ.. เอ้อ.. พี่โต้งมีอะไรกับผมไหมครับ?” “พรุ่งนี้พี่อยากให้ชัชมาเจอคนเวียดนามคนหนึ่ง พ่อบอกว่า เขาสนิทกับผู้ใหญ่ระดับสูงมาก ๆ ที่เวียดนาม พี่อยากให้ชัชเล่าเรื่องพีรพลกับนักธุรกิจไทยคนอื่น ๆ...

Enjoy exclusive access to all of our content

Get an online subscription and you can unlock any article you come across.