“….การเสวนาการเปิดเวทีโฟสกัส กรุ๊ปครั้งนี้เหมือนจะเป็นการปาหี่ มีอย่างที่ไหน เอาตัวแทนสมาคมโทร ที่มีคนกลุ่มทุน เข้ามาพูดแทนเต็มลำเรือ แสดงความเห็นสนับสนุนหมด ทั้งที่เป็นส่วนอุตสาหกรรม โทรคมนาคมโลก ขณะที่ตัวผู้บริหาร ทรู-ดีแทค ที่เป็นต้นเรื่องกลับเงียบกริ๊ป เงียบสนิท ไม่พูดไรเลย ไม่ Defend อะไรเลย แต่ปล่อยให้ ลูกตู้-นอมินี ชูจั๊กแร้เชียร์ควบรวมแทนซะงั้น .. เรื่องอย่างนี้ใครก็มองออก ใสวัวใสควายให้ออกมาชนแทน…”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) วันนี้ ( 9 พ.ค.) กสทช.ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในวงจำกัด (Focus Group) กรณีการรวมธุรกิจระหว่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด โดย นายศุภัช ศุชลาศัย ในฐานะประธานการประชุมกล่าวว่าการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นฯ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 1 จาก 3 ครั้งในกลุ่มภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ส่วนครั้งที่ 2 จะเป็นโพกัส กรุ๊ป ด้านผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์ และครั้งที่ 3 เป็นเรื่องผลกระทบต่อผู้บริโภคทั่วไป
ทั้งนี้ภาพรวมจากการแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่มองว่า การควบรวมจะทำให้ผู้ให้บริการเหลือน้อยลง อาจมีผลในการผูกขาดในธุรกิจให้บริการโทรศัพท์มือถือ และอาจสร้างผลกระทบกับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมค่อนข้างมาก ดังนั้น กสทช.ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ทั้งยังมองว่า กสทช.ควรมีบทบาทในการพิจารณาการควบรวม และควรพิจารณาประเด็นทางด้านกฎหมาย เทคโนโลยี อัตราค่าใช้บริการและคุณภาพการให้บริการ รวมทั้งควรมีมาตรการในการควบรวมธุรกิจ มากกว่าจะเป็นเพียงการพิจารณารับรอง เพราะหากเกิดผลกระทบ กสทช.ย่อมมีส่วนต้องรับผิดชอบ
ผู้บริหาร กสทช.ได้สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นที่ได้ว่า กระบวนดำเนินการควบรวมยังมีความเข้าใจผิดว่ามีการแก้กฎหมายเพื่อการควบรวม แต่ยืนยันอีกครั้งว่ากระบวนการดำเนินการเป็นไปตามประกาศ กสทช.เรื่องมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม โดยผู้รับใบอนุญาตที่ประสงค์ที่จะทำการควบรวมธุรกิจได้ยื่นรายงานต่อเลขาธิการ กสทช. ซึ่ง เลขาธิการ กสทช.จะแต่งตั้งที่ปรึกษาอิสระประกอบรายงานการรวมธุรกิจ โดยที่ปรึกษาจัดทำความคิดเห็นและเลขาธิการ กสทช. รายงานต่อ กสทช. ใน 90 วัน
ทั้งนี้ หาก กสทช. มองว่าการรวมธุรกิจส่งผลให้ดัชนี HHI มากกว่า 2500 หรือเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากว่า 100 หรือมีอุปสรรคการเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น หรือครอบครองโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพิ่มขึ้น ให้ถือว่าการรวมธุรกิจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กสทช. อาจพิจารณากำหนดเงื่อนไข หรือนำมาตรการเฉพาะสำหรับผู้มีอำนาจ เหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญในตลาดโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้
ผู้สื่อข่าวรานงานว่า ในการเปิดเวทีรับฟังความเห็นโฟกัสกรุ๊ปรอบแรกวันนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้บริหารกลุ่มทรูและดีแทคที่เข้าร่วมนั้น ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ มีเพียงตัวแทนจากภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นสนับสนุนการควบรวมกิจการครั้งนี้อย่างผิดคาด บางรายถือโพยมาอ่านความคิดเห็นอย่างผิดสังเกต
ขณะที่นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส ระบุ ว่ามีความพร้อมที่จะแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรมภายใต้บทบัญญัติทางกฎหมายและกติกาที่ กสทช.กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม การปล่อยให้ผู้เล่นรายใหญ่ในประเทศลด จำนวนลงจาก 3 ค่าย เหลือ 2 ค่าย จึงเป็นการลดทางเลือกในการใช้บริการของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกด้านโปรโมชั่นราคา การบริการหลังการขาย และคุณภาพสัญญาณ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงท้ายมีการชี้นำบทสรุปเวทีการแสดงความคิดเห็นฯในครั้งนี้รวม 10 ข้อ โดยพยายามอธิบายมุมมองของผู้เข้าประชุมแสดงความคิดเห็นในแต่ละด้าน ก่อนสรุปว่าส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนการควบรวมกิจการ มีเพียง เอไอเอส และ NT ที่ออกมาทำทีคัดค้านนิดหน่อย ให้มีบรรยากาศมุมมองอีกด้านบ้าง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความแข็งแรง ดีกว่า ปล่อยให้อ่อนแอ จนถอนการลงทุน อุตสาหกรรมโทรคมนาคม ต้องการผู้ประกอบการที่แข็งแกร่ง และ รักษาศักยภาพในการแข่งขัน ส่วนเรื่องราคา กสทช. ทำหน้าที่มาดีอยู่แล้ว กสทช. ก็น่าจะทำผลงานได้ดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานในเชิงลึกว่า การเสวนาการเปิดเวทีโฟสกัส กรุ๊ปครั้งนี้เหมือนจะเป็นการปาหี่ มีอย่างที่ไหน เอาตัวแทนสมาคมโทร ที่มีคนกลุ่มทุน เข้ามาพูดแทนเต็มลำเรือ แสดงความเห็นสนับสนุนหมด ทั้งที่เป็นส่วนอุตสาหกรรม โทรคมนาคมโลก ขณะที่ตัวผู้บริหาร ทรู-ดีแทค ที่เป็นต้นเรื่องกลับเงียบกริ๊ป เงียบสนิท ไม่พูดไรเลย ไม่ Defend อะไรเลย แต่ปล่อยให้ ลูกตู้-นอมินี ชูจั๊กแร้เชียร์ควบรวมแทนซะงั้น .. เรื่องอย่างนี้ใครก็มองออก ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า”ใสวัวใสควายให้ออกมาชนแทน!!!