จีนเผยแพร่สมุดปกขาว เผยจุดยืนต่อต้านการกระทำเพียงฝ่ายเดียวของอเมริกา ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณอยากคุยกับ สีจิ้นผิง
นับตั้งแต่ความขัดแย้งทางการค้า เริ่มต้นปรากฏขึ้นในปี 2018 ฝ่ายสหรัฐฯได้จัดเก็บภาษีศุลกากร กับสินค้านำเข้าจากจีน เป็นมูลค่ามากกว่า 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17 ล้านล้านบาท) และยังคงดำเนินนโยบายดังกล่าว มาจนถึงปัจจุบัน
โดยเมื่อไม่นานนี้ สหรัฐฯ ยังจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติม กับสินค้านำเข้าจากจีน ทั้งภาษีศุลกากรที่ใช้ประเด็นเฟนทานิลเป็นข้ออ้าง “ภาษีศุลกากรตอบโต้” (reciprocal tariffs) และภาษีศุลกากรเพิ่มเติมจากเดิมอีก รวมเป็น 125%
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 9 เม.ย. สำนักงานข้อมูลข่าวสารแห่งคณะรัฐมนตรีจีน เผยแพร่สมุดปกขาว “จุดยืนของจีนต่อบางประเด็น เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ” เพื่อแจกแจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า จีน-สหรัฐฯ รวมถึงอธิบายจุดยืนของฝ่ายจีน ต่อประเด็นที่เกี่ยวข้อง ขณะการกระทำเพียงฝ่ายเดียว และการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ได้ขัดขวางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการค้าปกติระหว่างสองประเทศ อย่างมีนัยสำคัญ
มาตรการเหล่านี้ แสดงถึงพฤติกรรมความพยายามแยกตัว และบีบบังคับของสหรัฐฯ รวมถึงขัดกับหลักการของเศรษฐกิจตลาด และระบอบพหุภาคี ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และการค้าจีน-สหรัฐฯ ซึ่งจีนได้ดำเนินมาตรการตอบโต้ อย่างจริงจัง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และยังคงมุ่งแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจาหารือ โดยมีการปรึกษาหารือกับฝ่ายสหรัฐฯ หลายรอบ เพื่อรักษาเสถียรภาพความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี
ฝ่ายจีนยืนหยัดเสมอมาว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ นั้นส่งมอบผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเห็นต่าง และขัดแย้งกันในความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า เพราะเป็นสองประเทศใหญ่ ที่มีระยะการพัฒนาและระบบเศรษฐกิจแตกต่างกัน ทว่าสิ่งสำคัญคือ การเคารพผลประโยชน์หลัก และข้อวิตกกังวลหลักของอีกฝ่าย แสวงหาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม ผ่านการเจรจาปรึกษาหารือ
ท่ามสงครามภาษีระอุ “ทรัมป์” ส่งสัญญาณพร้อมคุยกับ “สีจิ้นผิง” แต่อีกฝ่ายยังนิ่งเงียบ ราวกับต้องการใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว