โฆษกจีนชี้ ชาวไต้หวันเริ่ม “ตาสว่าง” เป็นเพียงแค่ “ตู้กดเงิน” ของสหรัฐฯ เพื่อขายอาวุธสงคราม รอวันถูกขว้างทิ้ง เมื่อหมดประโยชน์
เมื่อวันพุธ (30 เม.ย.) จูเฟิ่งเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า ประชาชนในไต้หวัน เริ่มตระหนักถึงอันตรายจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และกังวลว่าเกาะไต้หวัน กำลังถูกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) นำพาสู่หายนะ
จูแสดงความเห็น เกี่ยวกับผลสำรวจ จากสถาบันบรูกกิงส์ (Brookings Institution) คลังสมองของสหรัฐฯ ซึ่งพบว่า สัดส่วนประชาชนในไต้หวัน ที่มองว่าสหรัฐฯ “ไม่น่าไว้วางใจ” หรือ “ไม่น่าไว้วางใจอย่างมาก” ได้เพิ่มขึ้น 13.9 จุด เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อน
จูกล่าวว่า ประชาชนในไต้หวัน เริ่มตระหนักว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับ “อเมริกาต้องมาก่อน” เป็นหลัก และสนใจเฉพาะผลประโยชน์ของตนเอง โดยไต้หวันในสายตาของชาวอเมริกัน มีค่าเพียงเป็น “ตู้กดเงิน” และเครื่องมือสกัดกั้นแผ่นดินใหญ่ของจีนเท่านั้น
ทั้งนี้ จูเตือนว่า หากไต้หวันยังคงยอมทำตามความต้องการทุกอย่างของสหรัฐฯ ท้ายที่สุด ไต้หวันจะหลุดจากสถานะ “ของจำนำ” ที่ถูกขว้างทิ้ง เมื่อหมดประโยชน์
คำพูดของจู สอดคล้องกับความเห็นของนักวิชาการบางคนในสหรัฐฯ ที่มองว่า สหรัฐฯควรอยู่ห่างจาก “ความขัดแย้ง” ให้มากที่สุด ถ้าสหรัฐฯอยากมีส่วนร่วม ควรใช้กลยุทธ์ “เสริมอาวุธ” ให้ไต้หวัน แต่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว
นัยยะแห่งความหมาย สะท้อนภาพว่า สหรัฐฯพร้อมขายอาวุธเพื่อสงคราม แต่ไม่เต็มใจจะต่อสู้เพื่อ “เอกราชของไต้หวัน” และลึกๆสหรัฐฯรู้ดีว่า “เอกราชของไต้หวัน” ไม่มีจริง
แม้กระทั่ง โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ก็เคยส่งสัญญาณว่า เกาะไต้หวันไม่ได้อยู่ในขอบเขตผลประโยชน์หลักของสหรัฐฯ และสหรัฐฯไม่ยอม “ทุบหม้อข้าว” เพื่อสงครามนี้
ยิ่งไปกว่านั้น หากมีการใช้กำลังทหาร เข้ายึดเกาะไต้หวัน เกิดขึ้นจริง สหรัฐฯก็จะทิ้งกลุ่มเรียกร้อง “เอกราชของไต้หวัน” เพราะปัญหาของไต้หวัน ไม่เกี่ยวข้องกับสหรัฐ
นั่นทำให้คนไต้หวัน เริ่มไม่ไว้วางใจ ไล่ ชิงเต๋อ ที่เข้ามาเพิ่มความตึงเครียดในช่องแคบ สร้างบรรยากาศที่เป็นปฏิปักษ์กับแผ่นดินใหญ่ กวาดล้างผู้เห็นต่าง ทำให้สังคมแตกแยก
ขอบคุณภาพประกอบจากซินหัว