วันอังคาร, พฤษภาคม 6, 2025
หน้าแรกการเมืองประธาน"ห้าห่วง"

Related Posts

ประธาน”ห้าห่วง”

กรณี “ส.ส.ไอซ์ -รักชนก ศรีนอก”ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ที่ออกมากระซวกองค์กร กสทช.และโดยเฉพาะตัวประธาน กสทช.ที่ ฎซุกปัญหาใต้พรม”ไว้อื้อ

ทั้งกรณีผลาญงบกว่า 2,600 ล้านบาทก่อสร้างอาคารที่ทำการ กสทช.ใหม่ที่นนทบุรี แต่กลับปล่อยทิ้งร้างมากว่า 3ปี เพราะประธานกสทช.มัวคิดอ่านแต่จะปรับแบบตกแต่งอาคารใหม่หวังจะให้เลิศหรูอลังการงานสร้าง เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างและภารกิจองค์กร ตาม พรบ. กสทช.ใหม่

ที่นัยว่าเฉพาะครุภัณฑ์และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งอาคารที่กำหนดไว้วงเงินร่วม 1,000 ล้านนั้น ครุภัณฑ์และอุปกรณ์บางอย่างผู้รับเหมาก่อสร้างไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อในประเทศได้ ไม่รู้จะต้องนำเข้าจากดาวอังคารหรือดาวเสาร์ จนต้องยกธงยอมเลิกสัญญาระหว่างกัน

ยังมีกรณีปล่อยให้ตำแหน่งเลขาธิการกสทช.ว่างเว้นมาจะครบ 5ปี โดยให้รองเลขาธิการคู่บุญ คือ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล นั่งรักษาการจนรากงอก หลังจากประธานกสทช.เคยกระเตงชื่อของนายไตรรัตน์ เข้าที่ประชุมบอร์ดกสทช.ให้ “รับทราบ”ผลการสรรหาเลขาธิการที่ตนเองโม่แป้งมากับมือ

แต่กสทช.เสียงข้างมาก “หักดิบ” ไม่เอาด้วยกับการสรรหา”ลวงโลก”ที่ว่า ซึ่งว่ากันตามกระบวนการนั้น ประธานกสทช.ต้องริเริ่มกระบวนการสรรหาเลขาการใหม่ ให้เป็นไปตามกฎหมาย

แต่สำหรับประธานกสทช.”5ห่วง”ผู้นี้ กลับเพิกเฉยไม่ยี่หระใดๆในเมื่อบอร์ด กสทช.ไม่เห็นด้วยกับผลสรรหา งั้นก็อย่ามีมันเลยเลขาธิการกสทช. ก็ให้นายไตรรัตน์ นั่งรักษาการกันจนรากงอกไปเลยก็แล้วกัน

เบื้องหน้า-เบื้องหลังการ”ดึงเช็ง”การสรรหาและแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช.คนใหม่ที่ทอดยาวมาร่วม 5 ปีนั้น ก็อย่างที่ “สส.ไอซ์- รัชนก”ว่าไว้ สังคมเต็มไปด้วยข้อกังขามี “วาระซ่อนเร้น” หรือไม่ เพราะรักษาการเลขาธิการ มีอำนาจทำอะไรก็ได้เสมือนมีอำนาจเต็ม แต่ไม่ต้องรับผิดชอบ

แม้แต่การแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อปปช.ก็ไม่ต้องเผยแพร่ แถมตัวประธานกสทช.ยัง”ล้วงลูก”ลงไปโม่แป้งบริหารงานได้เองอีก จะสั่งให้บรรจุ ไม่บรรจุเรื่องอะไรเข้าบอร์ด กสทช.ก็ทำได้หมด จึงไม่แปลกใจที่กรณีอื้อฉาวต่างๆขององค์กรนี้จึงถูก”ดึงเช็ง”ไว้หมด

ล่าสุด”สส.ไอซ์”ออกมากระซวกเบื้องหลังการ “ดึงเช็ง”สรรหาและแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช.นี้อีกครั้ง เพราะตัวประธานกสทช.เองก็นั่งทับเรื่องอื้อฉาวตนเอง กรณีที่คณะกรรมาธิการไอซีที วุฒิสภาส่งผลตรวจสอบคุณสมบัติตัวประธานกสทช.เองที่ทั้ง “ขาดคุณสมบัติ-มีลักษณะต้องห้าม” แต่ก็กลับสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ โดยไม่มีใครแตะต้อง

โดยเจ้าตัวถึงกับระบุว่า เหตุผลที่ “หมอไห่ -ศ.คลินิกสรณ บุญใบชัยพฤกษ์”ประธาน กสทช.ยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ เพราะอาศัยช่องว่างทางกฏหมายใน พรบ.กสทช.เอง ที่ไม่ได้บัญญัติขั้นตอนการปลดและถอดถอน กรรมการ กสทช.ที่ขาดคุณสมบัติเอาไว้

หากจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า ประธานกสทช.ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษษณะต้องห้ามหรือไม่ ก็ต้องให้บอร์ดกสทช.มีมติให้ส่งเรื่องโดยตรง หรือให้สำนักงาน กสทช.เป็นผู้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเองโดยตรง

“ก็ในเมื่อ กสทช.ไม่มีเลขาการกสทช.มาร่วม 5ปี ขณะผู้ที่ทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการในปัจจุบันคือนายไตรรัตน์เอง ก็เป็นผู้ที่ประธานกสทช.ตั้งมากับมือ และยังใช้อำนาจหน้าที่ปกป้องไม่ยอมออกคำสั่งปลดหรือเพิกถอนจากตำแหน่ง ความคาดหวังที่จะให้สำนักงานเลขาธิการ กสทช.ส่งเรื่องสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาก็เป็นอันลืมไปได้เลย

จะคาดหวังให้บอร์ดกสทช.หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นพิจารณาในที่ประชุมก็ทำไม่ได้อีก เพราะผู้ที่จะสั่งบรรจุ-ไม่บรรจุวาระพิจารณาเรื่องนี้ หรือเรื่องใดๆก็อยู่ที่ประธานกสทช.เองอีก

ด้วยเหตุนี้ แม้ล่าสุดจะมีคำพิพากษาศาลปกครองที่ให้ “ยกฟ้อง4 กสทช.”จากกรณีที่ถูกนายไตรรัตน์ยื่นฟ้องกรณีร่วมกันมีมติเสียงข้างมากให้เปลี่ยนรักษาการเลขาธิการ กสทช.และให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยปมอนุมัติงบสนับสนุนกกท.ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ตามมติ กสทช.ครั้งที่ 13/2566 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2566

แต่ทั้งหลายทั้งปวง ประธานกสทช.ยังคงทำเป็น “ทองไม่รู้ร้อน”ไม่ยี่หระต่อคำพิพากษายังคงซุกปัญหาไว้”ใต้พรม”ต่อไป

นัยว่าสุดท้ายแล้ว ก็เหลืออยู่เพียงหนทางเดียวคือ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะผู้รักษาการตาม พรบ.กสทช. เมื่อเป็นผู้นำรายชื่อผู้ได้รับการสรรหาขึ้นทูลเกล้าเป็นกรรมการ กสทช.ก็ต้องเป็นผู้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อปลด กสทช.พ้นจากตำแหน่ง

แต่หนทางดังกล่าวก็ถูกปิดสวิตช์ไปเรียบร้อย เมื่อนายกฯแพทองธารเลือกที่จะ “เพิกเฉย”ไม่ยอมรับรู้ หรือรับทราบต่อรายงานของคณะกรรมาธิการ วุฒิสภาที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติประธานกสทช. และรายงานมายังนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน เพราะกลัวจะเป็น “เผือกร้อน”ในมือ อาจถูกร้องใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอาได้ทุกเมื่อ

ถึงบรรทัดนี้ ทุกฝ่ายคงต้องตระหนักต่อกรณี การที่ประธาน กสทช.”ดึงเชง” กระบวนการสรรหาและตั้งเลขากสทช.มาถึง 5 ปี และยังเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามมติบอร์ด กสทช.ที่ให้ปรับเปลี่ยนรักษาการเลขาการ และตั้งคณะกรรมการสอบวินัย รวมทั้งให้ตั้งรักษาการเลขาการใหม่ โดยยังคงให้นายไตรรัตน์ทำหน้าที่อยู่ต่อไป

ทั้งที่ประเด็นคุณสมบัติของรองเลขาธิการกสทช.ท่านนี้ที่ยังคงมีปัญหาอยู่ เช่นเดียวกับตัวประธาน กสทช.ที่ก็มีปัญหาทั้งขาดคุณสมบัติและปฏบัติฝ่าฝืนกฏหมายอีกหลายประการ ชัดเจนจนตาแตกขนาดนี้ แต่ก็กลับไม่สามารถจะสั่นคลอนเก้าอี้ประธานกสทช.รายนี้ได้

แม้กรณีทั้งหลายทั้งปวงข้างต้นจะทำให้สังคมมองว่า ตำแหน่งประธานกสทช.หน่วยงานของรัฐที่เป็นอิสระแห่งนี้แกร่งเสียยิ่งกว่า “5ห่วง”

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้ ทำให้องค์กร กสทช.ตกต่ำ เสื่อมเสียชื่อเสียง สะท้อนให้เห็นว่า ประธานกสทช.นั้น ขาดมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งหน่วยงานของรัฐที่เป็นอิสระ และเข้าข่ายกระทำการขัดมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 17 ที่บัญญัติว่าไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง
(https://www.nhrc.or.th/th/ethical-standards-and-requirements/183 )

สมควรที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ปปช.เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน ประธาน กสทช ท่านนี้ ในเรื่องพฤติกรรมที่ขาดมาตรฐานจริยธรรมโดยตรง เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำพิพากษาถอดถอนตามกระบวนการต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts