วันศุกร์, มิถุนายน 6, 2025
หน้าแรกท้องถิ่นเดินหน้าสานต่อองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชนผ่านระบบการเรียนการสอนในโรงเรียน

Related Posts

เดินหน้าสานต่อองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชนผ่านระบบการเรียนการสอนในโรงเรียน

ขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่การพัฒนาการเรียนการสอนในโรงเรียนผ่านรถโมบาย ของคณะครูในจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด เพื่อถ่ายทอดแก่เด็กและเยาวชน กระตุ้นทักษะการเรียนรู้แก่เยาวชนในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง


นางศศิพร ปาณิกบุตร รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เปิดเผยภายหลังพิธีเปิดโครงการสานต่อองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ ภายใต้โครงการความร่วมมือเพื่อขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชน ประจำปี 2568 ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันก่อนว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คณะครูในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ได้เรียนรู้การดำเนินงานของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ในพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดําริ จังหวัดจันทบุรี พร้อมเรียนรู้การใช้สื่อการเรียนการสอนสำหรับเด็กและเยาวชนเกี่ยวกับแนวพระราชดำริ องค์ความรู้การพัฒนา ดิน น้ำ ป่า พลังงานทดแทน และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงผ่านรถโมบาย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทไทยเบฟ จํากัด มหาชน


“เพื่อสานต่อโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริสู่การรับรู้ของเยาวชน และนําไปปรับใช้ในชีวิตประจําวัน ผ่านรูปแบบการเรียนการสอน มีตัวชี้วัดด้านการรับรู้ของนักเรียน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาเยาวชนให้มีความรู้เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์ความรู้ตามแนวพระราชดําริ ความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ การทําเกษตรทฤษฎีใหม่
การน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้ รวมถึงหลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เยาวชนจะนําไปต่อยอดได้ง่ายยิ่งขึ้น” นางศศิพร ปาณิกบุตร กล่าว
รองเลขาธิการ กปร. เปิดเผยเพิ่มเติมถึงรถโมบายว่า สื่อการเรียนรู้ในรถโมบายจะเน้นเนื้อหาในเรื่องทรัพยากร


ธรรมชาติ ประวัติความเป็นมาและการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย อาทิ เรื่อง แก้มลิง ดิน ประเภท ต่างๆ 8 – 9 ชนิด ที่มีอยู่ในประเทศไทยมีคุณสมบัติอย่างไร การทําเกษตรทฤษฎีใหม่ 30 30 30 10 เป็นอย่างไร และนอกจากการเรียนรู้ในรูปแบบบอร์ดนิทรรศการแล้ว ยังมีสื่อภาพยนต์เป็นคลิปวิดีโอการ์ตูน รวมถึงกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ เช่น บันไดงู ทอยลูกเต๋า เมื่อชนะก็จะเจอกับคำตอบว่าป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง มีประโยชน์อย่างไร หรือแก้มลิงช่วยแก้ไขน้ำท่วมน้ำแล้งได้อย่างไร ซึ่งเป็นขบวนการเรียนรู้ที่สนุกสนาน สอดคล้องกับช่วงวัยของเยาวชนในโรงเรียน


โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงาน กปร. สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (สพฐ.) และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) มีคณะครูจากโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โรงเรียนในเครือข่ายสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา และในเครือข่ายบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จำนวน 118 ท่าน เข้าร่วมโครงการรูปแบบการอบรมประกอบด้วย การเรียนรู้กิจกรรมภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี การใช้สื่อจากรถโมบายในการขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ การเรียนรู้กิจกรรมในศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน การเรียนรู้งานประมง การเพาะและอนุบาลสัตว์น้ำชายฝั่ง การเรียนรู้งานพัฒนาที่ดิน แปลงรวบรวมสายพันธุ์หญ้าแฝก การเรียนรู้งานวิชาการเกษตร การปลูกพืชในที่ดินใกล้ชายฝั่งทะเล และศึกษาดูงาน ณ ศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริด้านการเลี้ยงชันโรง และไร่นาสวนผสมของนายจักรชัย เสมสฤษดิ์ ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

นย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริด้านการเลี้ยงชันโรง และไร่นาสวนผสมเปิดเผยระหว่างนำคณะครูฯ เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ว่า ในพื้นที่ 8 ไร่ ปลูกพืชแบบผสมผสาน อาทิ ทุเรียน มังคุด เงาะ สละ และ เลี้ยงชันโรงช่วยผสมเกสร และทำลายเพลี้ยแป้ง เชื้อรา มีรายได้จากการขายและการแปรรูปผลผลิต เช่น สละลอยแก้ว ซึ่งผลิตและขายทางออนไลน์ และมีพ่อค้ามาซื้อที่สวน “ได้รับความรู้ในการเพาะปลูกและดูแลสวนจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และได้น้อมนำแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้ จนประสบความสำเร็จในปัจจุบัน คณะครูมาเยี่ยมชมศูนย์ฯ รู้สึกดีใจ เพราะจะได้นำเรื่องราวเหล่านี้ไปถ่ายทอดสู่เยาวชนในโรงเรียนต่อไป ซึ่งเป็นนักเรียนที่พ่อแม่ทำการเกษตรโดยส่วนใหญ่ดีใจที่มีการสอนเรื่องการทำเกษตรตามแนวพระราชดำริในโรงเรียน” นายจักรชัย เสมสฤษดิ์ กล่าว


ทางด้านนายธนชัย เลขวัฒนะ ครูโรงเรียนมัธยมวัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี หนึ่งในคณะครูที่เข้าร่วมโครงการฯ เผยว่า โรงเรียนมัธยมวัดเขาสุกิม เป็นโรงเรียนประจําตําบล มีนักเรียน 190 คน สมัครเข้าร่วมโครงการนี้ตามคำเชิญของสำนักงาน กปร. เนื่องจากผู้ปกครองของนักเรียนส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม ทำสวนทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ต่างๆ เช่น ทุเรียนทอด เงาะกระป๋อง เป็นต้น นักเรียนบางส่วนใช้เวลาหลังเลิกเรียนและวันหยุดหารายได้ช่วยครอบครัวด้วยการเป็นลูกจ้างภายในสวน การได้เรียนรู้จากโครงการนี้จะเป็นประเด็นสําคัญต่อการนำกลับไปปรับใช้ในการสอนให้แก่นักเรียน โดยเฉพาะในรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง


“การที่คุณครูได้มารับองค์ความรู้ใหม่ๆ เทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถโมบาย หรือสื่อการเรียนการสอน จะเป็นประโยชน์ของครูผู้สอนเป็นอย่างมาก ทำให้นักเรียนได้ศึกษาและเรียนรู้แนวพระราชดําริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่สามารถเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของแต่ละคนได้ เป็นการขยายผลความรู้จากโครงการฯ สู่ครู จากครูสู่นักเรียน และท้ายที่สุดก็ไปสู่ผู้ปกครองของนักเรียน ก็จะเกิดความยั่งยืน ในการมีชีวิตที่มั่นคง”นายธนชัย เลขวัฒนะ กล่าว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts