สุวรรณภูมิ – 4 มิถุนายน 2568 กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (บก.ตม.2) เปิดตัวโครงการฝึกอบรมครั้งใหญ่ “การใช้เทคโนโลยีและ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน” นำร่องปฏิรูปหน่วยงานรัฐภาครัฐสู่ยุคใหม่ มุ่งยกระดับข้าราชการตำรวจ ตม. ในยุคดิจิทัลให้ทันต่อเทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อให้บริการและดูพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวได้อย่างคล่องแคล่ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พิธีเปิดจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ โรงแรม Hyatt Regency สุวรรณภูมิ โดยมี พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงศ์ธร พงศ์รัชตนันทน์ รอง ผบก.ตม.2 ผู้ริเริ่มแนวคิดโครงการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากด่าน ตม.สนามบินทั่วประเทศเข้าร่วมอบรม Onsite กว่า 100 นาย พร้อมถ่ายทอดสดออนไลน์ไปยังข้าราชการตำรวจในสังกัดกว่า 2,000 คน
โครงการอบรมในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การบรรยายเชิงทฤษฎี แต่เป็นการปูพื้นฐานและลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้ข้าราชการตำรวจสามารถใช้ Generative AI และเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ChatGPT, Google Gemini, DeepL, Power BI, Gamma AI, Claude AI, Perplexity หรือ Notebook LM และเครื่องมือด้าน Infographic, แปลภาษา, วิเคราะห์ข้อมูล, ตัดต่อวิดีโอ และสร้าง Chatbot ได้อย่างคล่องแคล่ว
พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า “ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ที่ให้นำเทคโนโลยีสารสนเทศ อุปกรณ์ และเครื่องมือที่ทันสมัย มาช่วยในการตรวจคัดกรองบุคคลเดินทางเข้า-ออก ราชอาณาจักร รวมทั้งการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและสังคมในการสืบสวนปราบปราม โครงการนี้สามารถตอบโจทก์ดังกล่าว และยกระดับ ตม.สนามบินไทยให้พัฒนาเทียบเท่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระดับโลก ตำรวจ ตม.สนามบิน ต้องไม่หยุดอยู่กับที่ เทคโนโลยีก้าวไปไกลทุกวัน หากเราวิ่งตามไม่ทัน เราจะไม่สามารถดูแลพี่น้องประชาชนได้ โดยเฉพาะหน่วยงานของเราเป็นหน้าด่านของประเทศ เราจะต้องทำหน้าที่ด้านความมั่นคงให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
โครงการดังกล่าวครอบคลุมหัวข้อการอบรมกว่า 30 หัวข้อ ตลอดระยะเวลา 6 สัปดาห์ ทั้งในรูปแบบ Onsite ที่มีขึ้นในวันนี้ และรูปแบบ Online ต่อเนื่องทุกวันพุธ และวันเสาร์ นอกเวลาราชการ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจาก SIIT ได้แก่ อ.ดร.ปรัชญา บุญขวัญ และวิทยากรจากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ได้แก่ ดร.สมิช บัตรเจริญ ถ่ายทอดองค์ความรู้ขั้นสูงให้แบบเข้มข้น
พ.ต.อ.พงศ์ธร พงศ์รัชตนันทน์ รอง ผบก.ตม.2 กล่าวว่า ผลสำรวจเบื้องต้นชี้ว่า เจ้าหน้าที่กว่า 88.2% แสดงความต้องการเข้ารับการอบรม AI โดยความต้องการสูงสุดคือการเรียนรู้การแปลภาษาอัตโนมัติ อันเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ ตม.สนามบิน ต้องพบเจอกับผู้โดยสารจากทั่วโลก การคัดกรองผู้โดยสารจำเป็นต้องใช้ทักษะทางภาษาสูง หรือความต้องการในการเขียนเอกสารราชการด้วย AI และการนำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก — ซึ่งโครงการนี้สามารถสนองความต้องการได้ครบทุกด้าน
บก.ตม.2 กำลังเปลี่ยนภาพลักษณ์จาก “ด่านตรวจคนเข้าเมือง” สู่ “องค์กรอัจฉริยะด้านความมั่นคงของชาติ” ที่ไม่เพียงแต่ตรวจตราความปลอดภัยของประเทศ แต่ยังพร้อมเรียนรู้และปรับตัวให้ทันโลกในทุกมิติ
ประชาชนสามารถติดตามผลการอบรมและผลงานที่เกิดจากโครงการนี้ได้ผ่านช่องทางของกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 และเตรียมพบกับการให้บริการที่ “เร็วขึ้น ชัดเจนขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น” ในเร็ว ๆ นี้
