วันศุกร์, มิถุนายน 13, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมชาวบ้านแรงงานเกษตรแถบอีสานแห่ร้อง ปคม.ช่วย หลังโดนนายตำรวจร่วมกับพวกหลอกส่งไปทำงาน ตปท. สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรเลีย เสียหายนับ 10 ล้านบาท

Related Posts

ชาวบ้านแรงงานเกษตรแถบอีสานแห่ร้อง ปคม.ช่วย หลังโดนนายตำรวจร่วมกับพวกหลอกส่งไปทำงาน ตปท. สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรเลีย เสียหายนับ 10 ล้านบาท

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 มิ.ย.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. นางอรนุช ผลภิญโญ ฝ่ายการศึกษา สหภาพคนทำงานต่างประเทศแห่งประเทศไทย ( MWUT ; migant workers union of thailand) พร้อม ตัวแทนผู้เสียหายชาวบ้านจากจังหวัดต่างๆทางแถบภาคอีสาน เช่น ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี จำนวน 20 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคม. เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และแจ้งความกรณีถูกหลอกลวงแรงงานไปทำงานต่างประเทศ ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ เหตุเกิดระหว่างปี 2566-2568 ซึ่งมีผู้เสียหายถูกหลอกไปจำนวนกว่า 80 ราย มูลค่าความเสียหาย กว่า 10 ล้านบาท

เมื่อ ก.ย.67 ทางสหภาพฯ ได้รับข้อมูลมาว่า มีชาวบ้านในหลายหมู่บ้านทางแถบภาคอีสานหลายจังหวัดถูกหลอกไปทำงานเป็นแรงงานในต่างประเทศทั้งออสเตรเลียและสวิตเซอร์แลนด์จึงลงไปหาข้อมูลทราบว่ามี บริษัททัวร์เอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ลงไปติดต่อเป็นนายหน้า หาคนงานไปทำงานในต่างประเทศ โดยเรียกค่าทำวีซ่าและค่าบริการอื่นๆรายละ 50,000-100,00 บาท หลอกว่าจะมีงานเกษตรกรรมให้ทำโดยมีค่าตอบแทนรายได้สูงตกเดือนละ 100,000 บาท ชาวบ้านทราบข่าวและบอกต่อๆกันจนมีผู้หลงเชื่อเบื้องต้นมี คนสมัครไปออสเตรเลีย 2 ราย สมัครไปสวิตเซอร์แลนด์ 80 ราย

ทางสหภาพฯ เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นแรงงาน ในภาคเกษตร ที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ ทางแถบภาคอีสาน ที่ถูกหลอกลวงมาต่อเนื่องกันนอกเหนือจากผู้เสียหายกลุ่มนี้ด้วย

จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่ามีทั้งเครือญาติของผู้เสียหายเอง รวมทั้งยังพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งอยู่เบื้องหลังการหลอกลวงไปทำงานในต่างประเทศครั้งนี้ โดยแอบอ้างบริษัทอื่นๆ เข้ามาร่วมด้วย

ทางชาวบ้านที่สมัครไปทำงานในต่างประเทศแทบทุกรายจะไม่มีเงินออมเก็บจึงต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการยื่นเรื่องขอวีซ่ารวมทั้งกระบวนการที่จะเดินทางไปทำงานจนสร้างปัญหาเป็นหนี้ บางรายถึงขั้นถูกยึดบ้านหรือที่ดิน

ทางสหภาพฯ มองเห็นว่าปัญหาชาวบ้านถูกหลอกลวงไปทำงานเป็นแรงงานต่างประเทศทางกระทรวงแรงงานจะต้องให้ความสำคัญในการช่วยเหลือ แม้ทางสถานีตำรวจภูธรต่างๆที่รับแจ้งความจากชาวบ้านผู้เสียหายแล้วก็ตามแต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการที่จะดำเนินคดีกับกลุ่มผู้หลอกลวงเหล่านี้ ดังนั้นวันนี้ทางสหภาพจึงต้องมาร้องขอความช่วยเหลือจากกองบัญชาการสอบสวนกลาง เพราะเรามองเห็นว่ากระบวนการเหล่านี้จะนำไปสู่การฟอกเงินและการค้ามนุษย์

นางศรีนวล (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี ชาวบ้าน จ. ชัยภูมิ อาชีพทำไร่ เปิดเผยว่า เมื่อ ก.ย.ปี 66 สามีจะไป ทำงานที่ เกษตรกรรมที่ ประเทศออสเตรเลีย มีเพื่อนที่ทำนาทำไร่อยู่ด้วยกันบอกว่ามีบริษัททัวร์เค้าจะรับคนงานไปทำงานจึงสนใจแต่จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 5 หมื่นบาท จึงไปยืมเพื่อนบ้านมาจ่ายก่อน มาจ่ายเมื่อ 14 มิ.ย.67 พอจ่ายเงินปุ๊บทางบริษัทก็ยกเลิกสัญญาทันที โดยไม่ยอมคืนเงินจึงไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูเขียว ภ.จว.ชัยภูมิ เมื่อ 28 ก.ย.67 แต่ปรากฏว่าผ่านมาจนถึงวันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าใดใดจึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากทางสหภาพให้พามาพบตำรวจในวันนี้

นางธัญญาภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ชาว จ. ชัยภูมิ อาชีพรับจ้างกรีดยาง ทราบ เปิดเผยว่าเมื่อปี 2566 ตนทราบข่าวจากเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกันว่ามี นายตำรวจยศ พ.ต.ท. รายหนึ่งอยู่ ฝ่ายสืบสวน ภ.จว. นครราชสีมา สามารถพาไปทำงานที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อ้างว่าถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่ต้องผ่านกรมแรงงาน โดยพาไปวีซ่านักท่องเที่ยวสามเดือนหลังจากนั้นจะเปลี่ยนให้ทำงานได้ต่อเนื่องสองปี โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่าและอื่นๆรวมแล้วคนละ 1-1.3 แสนบาท ตอนอยากไปทำงานแต่ไม่มีเงินเก็บออมจึงต้องไปกู้หนี้มาจ่าย รอเป็นเวลานานไม่สามารถที่จะเดินทางไปได้สุดท้ายก็นัดที่จะคืนเงินแต่ก็ผ่อนมาตลอดจนวันที่ 8 เมษายนจึงตัดสินใจไปแจ้งความที่ สภ. ห้วยยาง ภ.จว. ชัยภูมิ พนักงานสอบสวน สอบปากคำในฐานะผู้เสียหาย และพยามโน้มน้าวว่าเป็นคดีฉ้อโกงทั่วไป ไม่ยอมทำเป็นเป็นคดีฉ้อโกงประชาชนซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนมาก พยายามโน้มน้าวผู้เสียหาย ก่อนจะมีหมายเรียกให้ อดีตนายตำรวจรายนี้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดใดจึงรวมตัวกันมาร้องขอความช่วยเหลือจากกองชาการตำรวจสอบส่วนกลางในวันนี้

นางศรีนวล สงวนนามสกุล อายุ 45 ปี แม่ค้าขายหมากพลูในตลาด ชัยภูมิ กล่าวน้ำตานองหน้าว่าเมื่อปี 66 เพื่อนแม่ค้าขายผลไม้ในตลาดด้วยกันมาบอกว่ามีนายตำรวจใหญ่ของภาค สามารถพาคนงานไปทำงานเก็บผลไม้ที่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้ เงินเดือนเดือนละ 1 แสนบาท เกิดความสนใจแต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำพาสปอร์ตขอวีซ่าตรวจร่างกายตรวจประวัติก่อนจำนวน 50,000 บาท จึงนำที่นาที่มีอยู่ 10 กว่าไร่ไปจำนองได้เงินมา 40,000 ก่อนจะไปยืมเงินญาติพี่น้องมาอีก 10,000 ให้กับกลุ่มที่มารับสมัครงาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปทุกวันนี้ไม่มีนาให้ทำไม่มีเงินทุนที่จะไปซื้อหมากพลูมาขายต้องอยู่อย่างแล้งแค้น

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายก่อนจะ รับหนังสือร้องเรียนถึงผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณา หาทางช่วยเหลือต่อไป

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts