“กุ้ยโจว” พลิกมณฑล จาก..ดินแดนยากจน สู่เมืองเชิงนิเวศสีเขียว

มณฑลกุ้ยโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ในอดีตถือเป็นมณฑลที่ค่อนข้างยากจน และเศรษฐกิจยังไม่พัฒนา โดยมีจีดีพีต่อหัวต่ำเป็นอันดับสาม นำหน้าเพียงมณฑลกานซู และ มณฑลยูนนาน ที่ตั้งอยู่ติดกัน

อย่างไรก็ตาม กุ้ยโจว ถือเป็นหนึ่งในมณฑลที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในประเทศจีน โดยรัฐบาลจีนมุ่งพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านข้อมูล และประสบความสำเร็จในการพัฒนาเชิงนิเวศ จาก ‘เขตทดลอง’ สู่ ‘เขตนำร่อง’

กุ้ยโจ กำลังใช้แนวคิดเชิงนิเวศ มาสร้างสรรค์ภาพความเขียวขจีอันงดงาม ตามแนวภูเขาและแม่น้ำ    บุกเบิกเส้นทางการพัฒนาสีเขียวสายใหม่ มุ่งเน้นความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ความมั่งมีของผู้คน และคงไว้ซึ่งความงดงามทางธรรมชาติ

กุ้ยโจวมุ่งมั่นในการเอาชนะ ‘ศึกใหญ่ 5 ด้าน’ เพื่อป้องกันและควบคุมมลพิษ พร้อมทั้งบูรณาการ  การฟื้นฟูระบบนิเวศ ทั้งภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ พื้นที่เพาะปลูก ป่าไม้ ทุ่งหญ้า และทะเลทราย โดยในปี 2567  คุณภาพอากาศใน 9 เมืองสำคัญและ 88 อำเภอของกุ้ยโจว ได้มาตรฐานเกรด 2 และคุณภาพน้ำผิวดินโดยรวม ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก 222 จุด ที่ได้รับการตรวจสอบ พบว่ามีอัตราคุณภาพน้ำดีเยี่ยม สูงถึง 99.1% และใน 23 จุดที่เป็นทางออกของแม่น้ำ ก็สูงถึง 100% ส่วนอัตราความสอดคล้อง ตามมาตรฐานคุณภาพน้ำ จากแหล่งน้ำประปาส่วนกลางในระดับอำเภอขึ้นไป ก็ยังคงได้มาตรฐาน 100% มาตลอด

กุ้ยโจวกำลังเร่งปรับปรุง และพัฒนาอุตสาหกรรมเดิม ๆ โดยนำแนวคิดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดคาร์บอน มาใช้ตลอดกระบวนการพัฒนาคุณภาพสูง สร้างโรงงานสีเขียวระดับประเทศ ได้ถึง 85 แห่ง มีนิคมอุตสาหกรรมสีเขียว 22 แห่ง ทำให้สัดส่วนของเศรษฐกิจสีเขียวในพื้นที่ เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 48%

ในปี 2567 กุ้ยโจวเป็นผู้บุกเบิก การสร้างกลไกออกตั๋วคาร์บอนป่าไม้ ที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ในระดับมณฑลของจีน โดยมีการออกตั๋วคาร์บอนป่าไม้ชุดแรก 10 ใบ และทำธุรกรรมไปได้รวม 11 ล้านหยวน  นอกจากนี้ ยังมีการซื้อขายสิทธิการใช้น้ำ รวม 120 ครั้ง คิดเป็นปริมาณน้ำที่ซื้อขายได้ถึง 86.0287 ล้านลูกบาศก์เมตร มีมูลค่ารวม 31.5387 ล้านหยวน

กุ้ยโจวยังมีธรรมเนียมการ ‘ปลูกต้นไม้ฉลองปีใหม่’ สืบทอดกันมายาวนาน 11 ปีแล้ว โดยมีการปลูกต้นกล้าไปแล้วกว่า 605 ล้านต้น ตั้งแต่ช่วงแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 เป็นต้นมา กุ้ยโจวได้เปลี่ยนแนวคิด ในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว จากแค่ ‘ปลูกเพิ่ม’ เป็น ‘เน้นคุณภาพ’ โดยผ่านโครงการฟื้นฟูป่าที่เสื่อมโทรมและบำรุงป่า ทำให้ป่าไม้ของที่นี่ ไม่เพียงแค่ ‘เขียวชอุ่ม’ แต่ยัง ‘มีคุณค่ามากขึ้น’ ด้วย