กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา, พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์, พ.ต.ท.กฤษฎา พลายละหาร และ พ.ต.ท.รัฐวิรุฬห์ จันทสุบรรณ รอง ผกก.1 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.นภชลัน เกิดเอี่ยม สว.กก.1 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายยุทธยาฯ อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 969/2565 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจร และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”
สถานที่จับกุม บริเวณลานขายของ ภายในวัดแห่งหนึ่ง อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2563 นายกำจรเกียรติฯ ร่วมกับ นายยุทธยาฯ และพวก ได้ร่วมกันก่อตั้งคณะบุคคลที่มิชอบด้วยกฎหมาย ในชื่อ “คณะปฏิรูปยุทธศาสตร์แห่งราชอาณาจักรไทสยาม” โดยมีนายกำจรเกียรติฯ เป็นหัวหน้า และอ้างตนเป็นประธาน ขณะที่ นายยุทธยาฯ รับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ส่วนกลางและผู้ดูแลกลุ่มไลน์ของคณะฯ กลุ่มดังกล่าวเผยแพร่นโยบายเท็จ และมีการชักชวนให้สมัครสมาชิกของกลุ่มนี้ โดยแบ่งเป็น 5 ระดับ พร้อมเรียกเก็บค่าสมัครตั้งแต่ 200 – 1,000 บาท และอ้างว่าสมาชิกจะได้รับตำแหน่งในองค์กร รวมถึงค่าตอบแทนหลักแสนบาทต่อเดือน มีการขายเสื้อคณะฯ และสิทธิต่างๆ พร้อมกล่าวอ้างว่าโครงการมีเงินสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ อีกทั้งยังแสดงเอกสารปลอม เช่น พันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินสด ซึ่งจากการสอบสวน พบว่ามีประชาชนหลงเชื่อและชำระเงินเข้าบัญชี นายกำจรเกียรติฯ และกลุ่มผู้ต้องหา จำนวนมาก
คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 29 ล้านบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายกำจรเกียรติฯ ได้แล้ว แต่กลุ่มผู้ต้องหายังคงเคลื่อนไหว และใช้กลุ่มไลน์ให้คำแนะนำสมาชิกที่ได้รับหมายเรียกไม่ให้ไปพบพนักงานสอบสวน หรือให้ตอบเพียง “ไม่รู้” และ “ไม่ทราบ” เท่านั้น ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายสบคนกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดตามกฎหมาย และดำเนินการในลักษณะคณะบุคคลที่มีจุดมุ่งหมายมิชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหารายดังกล่าวไว้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าหลังเกิดเหตุนายยุทธยาฯ ได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร จึงเฝ้าติดตามจนสามารถจับกุมตัวนายยุทธนาฯ จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เตือนภัย ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนระวังภัยจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีการแอบอ้างชื่อ
ในลักษณะเป็นองค์กรที่ดำเนินกิจกรรมต่างๆ โดยอ้างว่าจะทำโครงการ และมีการเรียกเก็บเงินค่าสมัครหลักร้อย แต่ให้ผลตอบแทนหลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาท ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่สูงเกินจริง
หากเจอสถานการณ์ที่ดูไม่น่าไว้วางใจ หรือสงสัยว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ ควรตั้งสติ อย่าโอนเงินหรือสมัครโครงการที่ไม่มีหลักฐานยืนยันจากหน่วยงานภาครัฐ, ตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจ และ อย่าหลงเชื่อคำอ้างว่าเป็นโครงการ หากไม่มีเอกสารทางราชการรับรอง หากพบการแอบอ้างในลักษณะนี้ หรือเคยถูกชักชวนเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ขอให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือแจ้งข้อมูลผ่านข้อความของเพจตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เพื่อดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ต.นภชลัน เกิดเอี่ยม สว.กก.1 บก.ป. โทร. 080-7264444


