“การหารือทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รอบที่ 3 ในกรุงสต็อกโฮม เกิดขึ้นไม่กี่วัน ก่อนข้อตกลงสงบศึกภาษีศุลกากร ระยะ 90 วัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันไว้ จะสิ้นสุดลงในวันที่ 12 ส.ค. โดยเส้นตายที่ใกล้เข้ามา ได้เพิ่มความเร่งด่วนในการเจรจา และตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศ ในการแก้ไขข้อแตกต่าง ผ่านการเจรจามากกว่าการปะทะคะคาน”
การหารือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รอบที่ 3 ณ อาคารโรเซนแบด ในกรุงสต็อกโฮมของสวีเดน เมื่อวันจันทร์ 28 ก.ค. จัดขึ้นต่อจากการหารือ ณ นครเจนีวา ในเดือนพฤษภาคม และ ณ กรุงลอนดอน ในเดือนมิถุนายน เพื่อพยายามลดทอนความตึงเครียดทวิภาคี และข้อพิพาททางภาษีศุลกากร ที่รัดตรึงเศรษฐกิจโลก
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า จีนและสหรัฐฯ ทำงานอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเพื่อดำเนินการตามฉันทามติ ที่บรรลุระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ของประธานาธิบดี ซึ่งหัวใจหลักของการทำงานนี้ คือการลดภาษีศุลกากรส่วนเกิน และเป้าหมายร่วมกันในการบรรเทาความขัดแย้งระหว่างสองชาติ เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
การหารือในกรุงสต็อกโฮม นับเป็นรอบที่ 3 ในรอบสามเดือน และเกิดขึ้นไม่กี่วัน ก่อนข้อตกลงสงบศึกภาษีศุลกากร ระยะ 90 วัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันไว้ จะสิ้นสุดลงในวันที่ 12 ส.ค. โดยเส้นตายที่ใกล้เข้ามา ได้เพิ่มความเร่งด่วนในการเจรจา และตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศ ในการแก้ไขข้อแตกต่างผ่านการเจรจา มากกว่าการปะทะคะคาน
บรรดานักสังเกตการณ์นานาชาติ ต่างจับตามองการหารือรอบล่าสุดนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญ ในห้วงยามบังเกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยเหล่านักวิเคราะห์มองว่า ความก้าวหน้าอันมีนัยสำคัญ จะนำพาทั้งสองฝ่ายมาพบกันครึ่งทาง และแปรเปลี่ยนฉันทามติระดับสูง สู่ชุดนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง ซึ่งจะฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อความสัมพันธ์ทางการค้าจีน-สหรัฐฯ
ทั้งนี้ ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่มีเสถียรภาพอันดีนั้น เป็นผลประโยชน์ต่อทั้งสองชาติ รวมถึงทั่วทั้งโลกใบนี้ด้วย
(แฟ้มภาพซินหัว : เหอลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน และกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน จับมือกับสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ก่อนการหารือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ รอบใหม่ในกรุงสต็อกโฮมของสวีเดน วันที่ 28 ก.ค. 2025)