วันศุกร์, สิงหาคม 8, 2025
หน้าแรกต่างประเทศจีนนักเศรษฐศาสตร์เตือน!สหรัฐ “สงครามภาษี” ทำให้อเมริกาอ่อนแอ ต่างกับ “บริกส์” ยิ่งโดนแบน ยิ่งเติบโต

Related Posts

นักเศรษฐศาสตร์เตือน!สหรัฐ “สงครามภาษี” ทำให้อเมริกาอ่อนแอ ต่างกับ “บริกส์” ยิ่งโดนแบน ยิ่งเติบโต

“ภาษีชุดใหม่ของปธน.ทรัมป์ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างประเทศ และสหรัฐเองก็จะได้รับความเสียหายจากภาษีเหล่านี้ การผลักไสอินเดียออกจากการเป็นพันธมิตร ไม่ต่างจากปล่อยเสือเข้าป่า การขึ้นภาษีกับ “บราซิล แอฟริกาใต้” จะทำให้กลุ่มประเทศ “บริกส์” โตวัน โตคืน”

อะทาคาน บาคิสคาน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารแบเรนเบิร์ก กล่าวถึงนโยบายภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ ว่า ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างประเทศ และสหรัฐเองก็จะได้รับความเสียหายจากภาษีเหล่านี้ จากภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศที่ดีดตัวขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง  เนื่องจากภาษีเหล่านี้ ได้บิดเบือนการแข่งขันระหว่างบริษัทที่ผลิตสินค้าในสหรัฐ เพื่อจำหน่ายในตลาดภายในประเทศเช่นกัน

ขณะที่การทำสงครามภาษีกับ “อินเดีย” ไม่ส่งผลดีต่อ โดนัลด์ ทรัมป์ เพราะประชากรที่มากถึง 1.2 พันล้านคนของอินเดีย ถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เทียบเท่าจีน การผลักไสอินเดีย ไม่ต่างจากปล่อยเสือเข้าป่า

ที่สำคัญ อินเดีย คือหนึ่งในประเทศก่อตั้ง “บริกส์” ที่มีจีน รัสเซีย บราซิล และแอฟริกาใต้ ร่วมเป็นพันธมิตรก่อตั้ง

เฉพาะ 5 ประเทศกลุ่มก่อตั้ง รวมประชากรเข้าไปกว่าครึ่งโลก ยังไม่รับรวมประเทศสมาชิกอีกนับสิบที่เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนพันธมิตร

“นเรนทรา โมดี” นายกรัฐมนตรีอินเดีย แสดงท่าทีแข็งกร้าว ต่อการขู่ขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยส่งสัญญาณว่า “จะซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อไป”

“อินเดีย” กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งทรัมป์โจมตีอินเดียอย่างรุนแรง เข้าร่วมกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาบริกส์ โดยกล่าวว่า “พวกเขาจะพาเศรษฐกิจของตัวเองล่มสลายไปด้วยกัน” พร้อมประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียในอัตรา 25%

แต่แทนที่ “โมดี” จะอ่อนข้อ กับเรียกร้องให้ประชาชนหันมาซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศ เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนทั่วโลก ที่ทวีความรุนแรงขึ้น

“เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความน่ากังวลมากมาย บรรยากาศเต็มไปด้วยความไม่มั่นคง เราจะซื้อสินค้าที่ผลิตจากหยาดเหงื่อของชาวอินเดียตามนโยบาย “Make in India” ที่ริเริ่มมานานแล้ว เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของอินเดีย” โมดี กล่าว

เช่นเดียวกับแอฟริกาใต้ หนึ่งในกลุ่มผู้ตั้งบริกส์ ที่โดนรีดภาษี 30% ประธานาธิบดี ไซริล รามาโฟซา  ผู้นำแอฟริกาใต้ เร่งส่งคณะผู้แทนการค้าไปยังตลาดใหม่ ๆ ทั้งในแอฟริกาและภูมิภาคอื่น ๆ พร้อมเผยว่า รัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันโครงการพัฒนาผู้ส่งออกระดับชาติ เพื่อเพิ่มจำนวนบริษัทที่มีศักยภาพพร้อมส่งออก

ตามข้อมูลจากกรมสรรพากรแอฟริกาใต้ สหรัฐฯ ถือเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของแอฟริกาใต้ รองจากจีน โดยปีที่ผ่านมา แอฟริกาใต้ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8.8 พันล้านดอลลาร์

ขณะที่ “บราซิล” หนึ่งในทีมบริกส์ก็โดนหนักไม่แพ้กัน สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตราสูงถึง 50% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธที่ 6 ส.ค. ซึ่งมาตรการภาษีดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ผลิตกาแฟบราซิลต้องหาตลาดอื่น จากเดิมที่เคยส่งออกกาแฟไปยังสหรัฐฯ ราว 8 ล้านกระสอบต่อปี และจีนอ้าแขนรับกาแฟจากบริษัทบราซิล 183 แห่งทันที โดยมาตรการนี้บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. และมีผลเป็นระยะเวลา 5 ปี

อย่างไรก็ตาม มีหนึ่งประเทศที่ไม่ได้ถูกบรรจุลงในบัญชีประเทศคู่ค้าของสหรัฐอเมริกา ที่ถูกตั้งกำแพงภาษีนำเข้า คือ “รัสเซีย” แต่ก็ไม่ส่งผลบวกอะไร เพราะสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2022

โดยทุกประเทศที่โดนกำแพงภาษี ต่างหันมองไปยัง “ปักกิ่ง”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts