“…อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ “วัชระ เพชรทอง” เดือด! ต้านนโยบาย รมว.พาณิชย์ “จตุพร บุรุษพัฒน์” ที่เตรียมเจรจาลาวเปิดทางส่งสินค้าสู่กัมพูชา ท่ามกลางสถานการณ์สงครามชายแดน จวกเป็นการเสริมกำลังให้ศัตรู ชี้คนไทยทั้งชาติหนุนปิดด่านเพื่อความมั่นคง ถามกลับ—ผลประโยชน์ธุรกิจคุ้มกับเลือดเนื้อและชีวิตทหารไทยหรือไม่…”
วันที่ 12 สิงหาคม 2568 — นายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ออกโรงคัดค้านกรณีที่นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประกาศแผนเจรจากับประเทศลาว เพื่อใช้เส้นทางขนส่งสินค้าจากไทยเข้าสู่กัมพูชา โดยให้เหตุผลว่าเพื่อรักษาตลาดการค้า
นายวัชระระบุว่า เข้าใจบทบาทของรัฐมนตรีพาณิชย์ที่ต้องแสวงหาช่องทางจำหน่ายสินค้าไทยทั่วโลก แต่ไม่ควรเป็นประเทศคู่สงคราม เพราะไม่มีชาติใดในโลกส่งสินค้าสนับสนุนฝ่ายที่กำลังทำสงครามกับตนเอง ขณะนี้การค้าผ่านด่านบก 18 แห่ง ใน 7 จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา ถูกทหารสั่งปิดเพื่อความมั่นคง และคนไทยส่วนใหญ่เห็นด้วย เพราะเส้นทางเหล่านี้อาจใช้ลำเลียงยุทธปัจจัยเสริมกำลังให้ทหารกัมพูชา
เขายังตั้งข้อสังเกตว่า แนวนโยบายของนายจตุพร อาจเป็นเพียงการ “โยนหินถามทาง” หรือมีคำสั่งจากเบื้องบน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อชาติ โดยย้ำว่ามูลค่าการค้าปีละนับแสนล้านบาทไม่อาจเทียบกับความสูญเสียจากสงคราม ที่คร่าชีวิตทหารไทย 16 นาย ประชาชน 17 ราย และสร้างความเสียหายมหาศาล
นายวัชระทิ้งท้ายด้วยการอ้างอิงบทเรียนจากประวัติศาสตร์และคำเตือนของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขมรเป็นชาติที่ไว้ใจไม่ได้” โดยล่าสุดเมื่อ 24 กรกฎาคม 2568 ทหารกัมพูชายิงใส่ไทยก่อน จุดชนวนสู้รบนาน 5 วัน ย้ำว่าหาก รมว.พาณิชย์จะเดินหน้าส่งสินค้าผ่านลาวไปกัมพูชา ต้องถามทหารและคนไทยทั้งประเทศก่อน—ว่าเลือกจะรักษาตลาด หรือรักษาชาติไทยไว้
