หลายคนเฝ้ารอปี 2572 เพราะจะเป็นปีที่สัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว (เฉพาะเส้นทางหลัก)ระหว่างกรุงเทพมหานคร (กทม.) กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC สิ้นสุดลงเสียที
แต่… หมดสัญญา ไม่ได้แปลว่าดราม่าจะจบ!
เนื่องจาก กทม. ได้ทำสัญญาจ้าง BTSC ให้เดินรถและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance หรือ O&M) ทั้งเส้นทางหลักและส่วนต่อขยายยาวไปจนถึงปี 2585 (ขอย้ำว่าเป็นสัญญาจ้าง O&M ไม่ใช่สัญญาสัมปทาน)
1. Timeline สัญญา O&M
(1) เส้นทางหลัก (หมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน) ปี 2572–2585 เป็นเวลา 13 ปี
(2) ส่วนต่อขยายที่ 1 (อ่อนนุช-แบริ่ง และสะพานตากสิน-บางหว้า) ปี 2555–2585 เป็นเวลา 30 ปี
(3) ส่วนต่อขยายที่ 2 (แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-คูคต) ปี 2559–2585 เป็นเวลา 26 ปี
สรุปง่ายๆ ได้ว่า… หลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 BTSC ยังมีสิทธิ์ที่จะเดินรถต่อลากยาวไปอีก 13 ปีเต็ม!
นี่คือความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นหลังปี 2572… จะเปิดประมูลใหม่ก็ไม่ได้ เพราะติดสัญญาจ้าง BTSC
2. แล้ว กทม.ควรทำอย่างไร?
หาก กทม.สามารถชำระหนี้สินให้ BTSC ได้หมด ก็ไม่จำเป็นต้องขยายสัมปทานให้ BTSC
กทม.มีทางเลือกในการบริหารจัดการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลังหมดสัญญาสัมปทาน 2 ทางเลือก ดังนี้
(1) เจรจากับ BTSC ให้ยอมสละสิทธิ์การเดินรถตามสัญญา O&M ซึ่ง กทม.อาจจะต้องจ่ายเงินชดเชยค่าเสียโอกาสให้ BTSC แล้วเปิดประมูลหาผู้เดินรถรายใหม่ แต่ทางเลือกนี้ กทม.ต้องคิดให้หนักว่า… ค่าจ้างผู้เดินรถรายใหม่จะถูกจริงไหม? และที่สำคัญ ถ้าจะเก็บค่าโดยสาร “20 บาทตลอดสาย” กทม.หรือรัฐบาล จะต้องควักเงินอุดหนุนเท่าไหร่?
(2) “ปล่อยยาว” ให้ BTSC เดินรถต่อไปจนถึงปี 2585 ตามสัญญาจ้าง O&M หลังจากนั้นค่อยเปิดประมูลใหม่
อย่างไรก็ตาม ถ้ารัฐสามารถซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืนได้ ก็เป็นภาระหน้าที่ของรัฐที่จะบริหารจัดการรถไฟฟ้าทั้งระบบ ทุกสายทุกสี รวมทั้งสายสีเขียวให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐ ซึ่งต้องติดตามดูว่ารัฐจะมอบหมายให้ กทม.กำกับดูแลรถไฟฟ้าสายใดบ้าง?
3. เหลือเวลาให้ กทม.เตรียมตัวไม่มาก!
ก่อนสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน กทม.มีเวลาเตรียมตัวแค่เพียง 4 ปีเท่านั้น ดังนั้น กทม.จะต้องเร่งหาทางออก จะปล่อยให้การเดินรถ “หยุดชงัก” ไม่ได้
อย่าลืม! รถไฟฟ้าสายสีเขียวคือเส้นเลือดใหญ่ของคนกรุง ผู้โดยสารหลายแสนชีวิตต้องพึ่งทุกวัน ถ้าการเดินรถมีปัญหา รับรองว่า… รถจะติดอย่างสาหัสสากรรจ์แน่นอน!