เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 3 ก.ย.68 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายไทกร พลสุวรรณ และ สส.สุรทิน พิจารณ์ (ครูสุรทิน) หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.แจ้งความดำเนินคดีนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ความผิด ม.112 กรณียื่นทูลเกล้าฯ เสนอเรื่องยุบสภาฯ
นายไทกร กล่าวว่า ตอนเดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนนกลาง(บช.ก.) ในวันนี้เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทย ในข้อหากระทำการมิบังควรทำให้เกิดความระคายเคืองเบื้องยุคลบาท ส่อเจตนาที่จะกระทำผิดเข้าข่ายกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายด้านความมั่นคงที่มีไว้เพื่อปกป้องพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี และ องค์รัชทายาท
สืบเนื่องจากการที่นายภูมิธรรม ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้กระทำการตราพระราชกฤษฎีกายกสภาและนำเรื่องส่งสำนักพระราชวังเราได้รับข้อมูลว่านายภูมิธรรมได้นำเรื่องพระราชกฤษฎีกายุบสภาไปส่งยังสำนักพระราชวังแล้วหนังสือฉบับนั้นได้ถูกส่งกลับมาที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่ด้วยความที่พรรคเพื่อไทยและนายภูมิธรรมยังไม่ยอมที่จะเคารพต่อเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ ในการที่จะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะยุบสภาฯ กลับมีความ พยายามที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะใหญ่โดยมีการทาบทามให้ ดร.วิษณุ เครืองาม และคณะมาทำหน้าที่เพื่อที่จะตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นอีกฉบับใหม่ในวันพรุ่งนี้เพื่อที่จะนำส่งสำนักพระราชวังอีกครั้ง
ตนถือว่าการกระทำที่มิบังควรเนื่องจากเจตนารมย์ของนายภูมิธรรมเป็นเจตนารมย์ที่พยายามดึงองค์พระประมุขมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเนื่องจากถ้าการยุบสภาเกิดขึ้นไม่ได้เพราะนายภูมิธรรมไม่มีอำนาจตามกฏหมาย จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าที่ยุบสภาไม่ได้เพราะประมุข ซึ่งเป็นอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการยุบสภา ไม่ทำตามข้อเสนอของรัฐบาลรักษาการทั้งที่ข้อเท็จจริงแล้วนายภูมิธรรมรู้ว่าตนเองไม่มีอำนาจในการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพราะระบบการปกครองของประเทศไทยเลียนแบบมาจากระบบการปกครองของอังกฤษเป็นระบบรัฐสภาแบบเวสต์มินสเตอร์อาศัยความไว้วางใจของพี่น้องประชาชนในการมอบอำนาจให้กับตัวแทนของเขา
ในการเลือกตั้งเมื่ิวันที่ 14 พฤษภาคม2566 ประชาชนมอบอำนาจไว้วางใจให้กับแคนดิเดตนายกของพรรคเพื่อไทย 3 ท่านคือแพทองธาร ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน และ ชัยเกษม นิติศิริ ไม่มีอำนาจของพี่น้องประชาชนมอบให้นายภูมิธรรม เพราะนายภูมิธรรม เป็น สส.บัญชีรายชื่อลำดับ100 และสอบตกด้วย ทั้งที่รู้ว่าตนเองไม่มีอำนาจในการที่จะตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาแต่ยังกระทำและพยายามที่จะกระทำซ้ำครั้งที่ 2 จึงถือว่าการกระทำนี้เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำให้เกิดการระคายเคืองเบื้องยุคลบาท
ด้าน สส.สุรทิน กล่าวว่า เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่จะต้องปกป้อง เมื่อมีสิ่งที่ระคายเคืองต่อสถาบันฯ เราก็ต้องแสดงความจงรักภักดีที่สภาผู้แทนราษฎรกำลังจะมีการคัดเลือกนายกฯ คนใหม่ซึ่งกำหนดไว้ในวัน ศุกร์ที่ 5 ก.ย. ทำให้ผู้แทนราษฎรมีความหวั่นไหว การที่เรามาในวันนี้เป็นความบริสุทธิ์ใจที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
