เมื่อวันที่ 9 ต.ค. นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีนักแสดงสาวชื่อดังนั่งซ้อนจักรยานยนต์รับจ้าง โดยไม่สวมหมวกนิรภัย ถูกเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งต่อมามีผู้มาแสดงความเห็นในเชิงว่าซ้อนจักรยานยนต์รับจ้างยังดูสวย และต่อมามีคนออกมาทำคอนเทนต์เลียนแบบทั้งการแต่งกาย และไม่สวมหมวกนิรภัย เผยแพร่ผ่านทางโซเชียลฯ ตามจำนวนมาก ว่า ตนได้เห็นภาพที่เผยแพร่ทางโซเชียลฯ แล้ว มี 3 ประเด็นที่อยากจะสื่อสาร 1. ต้องชมนักแสดงท่านนี้ในเรื่องของท่านั่งซ้อนจักรยานยนต์ด้วยการนั่งคร่อม ซึ่งถือเป็นท่านั่งที่มีความปลอดภัยมากกว่าการนั่งตะแคง ดังนั้นในส่วนนี้ก็อยากสื่อสารถึงผู้หญิงที่ต้องซ้อนจักรยานยนต์ แม้จะสวมกระโปรงก็ควรนั่งในท่าที่ปลอดภัยได้
ประเด็นที่2 เรื่องที่ตนเป็นห่วงคือ การนั่งรถเดิมก็มีเสี่ยงอยู่แล้ว ยิ่งการไม่สวมหมวกนิรภัยยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ซึ่งข้อมูลจากบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถตั้งแต่เดือนม.ค. 2568 – ก.ย.2568 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 560 ราย โดยมี 526 ราย หรือ 93 % เกิดจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ หรือตกเดือนละ 58 ราย หรือ 2 รายต่อต่อวัน อีกทั้งครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์นั้น เกิดจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ เพราะไม่สวมหมวกนิรภัย ส่วนตัวเลขผู้บาดเจ็บสูงมากถึง 111,592 ราย นี่เป็นข้อมูลจากการเคลมประกันของบริษัทกลางฯ ดังนั้นจึงมีทั้งเจ็บเล็ก เจ็บมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีการศึกษาก่อนหน้านี้ที่พบว่า มี 1 ใน 5 หรือ 21% ของจำนวนผู้บาดเจ็บที่มาเคลมประกันนั้นเป็นแอทมิทเคส หรือเจ็บรุนแรงต้องนอนรพ. ถ้าประมาณการณ์จากตัวเลข 9 เดือนนี้ อาจบอกได้ว่า มีผู้บาดเจ็บรุนแรงราวๆ 2 หมื่นคน
“ตัวเลขที่มีการศึกษาทั่วโลก พบว่าหมวกนิรภัยจะช่วยลดความรุนแรง ไม่ต้องแอดมิทได้ 72% และลดการเสียชีวิตได้ 40% ดังนั้นการสวมหมวกนิรภัยมีความสำคัญมาก จึงขอให้คนไทยตระหนักตรงนี้” นพ.ธนะพงศ์ กล่าว
นพ.ธนะพงศ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 3 ตนเป็นห่วงว่าจะเกิดการลอกเลียนแบบ จึงขอฝากผู้ที่ทำคอนเทนต์ หรือกิจกรรมลักษระนี้ ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีควรสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเมื่อขับขี่จักรยานยนต์ ซึ่งมีตัวอย่างนักแสดงชายของจีน ชื่อหวัง อวี้ ป๋อ ที่ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ก็มีการสวมหมวกฯ รวมถึง ศิลปินไทยหลายคนเช่น คุณเจฟ คุณมาเบล ที่ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับจักรยานยนต์ ก็สวมหมวกฯ เช่นกัน ดังนั้นจึงขอฝากคนอื่นๆ ให้ตระหนักถึงตรงนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทำคอนเทนต์ หรือการเดินทางจริงๆ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย
เมื่อถามถึงการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการสวมหมวกนิรภัยของไทย เป็นอย่างไรบ้าง นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายเรื่องการบังคับเข้มสวมหมวกนิรภัย ฝ่าฝืนปรับ 2 พันบาท แต่มีข้อจำกัด เรื่องความต่อเนื่อง และความครอบคลุมที่ยังไม่เข้มข้น พอช่วงที่มีการเน้นย้ำก็มีการสวมหมวกฯ มากขึ้น ทั้งคนขับ คนซ้อน จักรยานยนต์รับจ้าง นอกจากนี้ ทางตำรวจได้พยายามนำเอาเทคโนโลยี กล้องวงจรปิด ระบบ AI มาตรวจจับการใส่หมวกฯ และออกใบสั่ง แต่มีช่องว่างในการมาชำระใบสั่ง ซึ่งมีตัวเลขที่มาชำระใบสั่งค่อนข้างต่ำ ช่วงที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลกับการต่อภาษีรถยนต์ จักรยานยนต์ การมาชำระใบสั่งพุ่งสูงขึ้น เกือบจำครอบคลุม แต่พอมีกระแสว่าชะลอไปก่อนเพราะมีคดีขึ้นศาลปกครอง ทำให้ตอนนี้ยอดการมาชำระใบสั่งจึงอยู่แค่ 20% สรุปช่องว่างสำคัญของบ้านเราคือการบังคับใช้กฎหมายยังไม่ต่อเนื่อง รณรงค์แล้วเงียบไป.

