เมื่อ วันที่ 11 ต.ค.68 น.ส.แหม่ม (สงวนชื่อ/นามสกุล) อายุ 40 ปี พร้อมด้วยคณะกัลยาณมิตร ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงปัญหาความไม่สบายใจเกี่ยวกับการบริจาครถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ (โตโยต้า วีโว่) มูลค่า 1,070,000 บาท ให้แก่วัดพระบาทน้ำพุ เมื่อปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้วัดนำไปใช้ช่วยเหลือผู้ป่วยวิกฤติฉุกเฉิน
น.ส.แหม่ม ระบุว่า หลังจากเกิดข่าวเสียหายที่วัดพระบาทน้ำพุ คณะผู้บริจาคจึงมีความประสงค์จะขอรถพยาบาลคันดังกล่าวคืน เพื่อนำไปมอบให้แก่หน่วยงานอื่นที่มีความจำเป็นใช้งานและสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ตามวัตถุประสงค์เดิมของการบริจาคเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามไปยังวัดพระบาทน้ำพุ กลับทราบว่า รถพยาบาลคันดังกล่าวยังมิได้ทำการจดทะเบียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 และถูกนำไปใช้เพื่อรับส่งผู้ป่วยโดยมิได้จดทะเบียน ซึ่งไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้เป็นรถฉุกเฉินที่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยวิกฤติได้
น.ส.แหม่ม เปิดเผยว่า เมื่อเดือนที่แล้ว ตนได้เคยร้องขอความช่วยเหลือจากทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม และได้พาเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อหารือในกรณีดังกล่าว โดยทางวัดพระบาทน้ำพุได้แสดงความยินดีที่จะคืนรถให้ตามความประสงค์ของผู้บริจาค และได้ปรึกษาเรื่องการคืนรถกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อให้การคืนรถไม่เป็นความผิดพลาดของผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดองค์ปัจจุบัน ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้แนะนำให้ผู้บริจาคไปติดต่อ สนพ.จ. ลพบุรี ก่อน
แต่เมื่อ ตนได้โทรศัพท์ไปที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลพบุรี กลับได้รับคำตอบว่า ให้ไปฟ้องแพ่งเอาเอง เพราะรถพยาบาลคันดังกล่าวถือเป็นทรัพย์สินของทางวัดแล้ว
ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แนะนำให้ไปติดต่อขอรถพยาบาลคืน และนำไปส่งมอบให้แก่โรงพยาบาล กู้ภัย หรือมูลนิธิ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินและสำนักพุทธฯ จังหวัดลพบุรีบอกให้ฟ้องเอง
“ตอนนี้รู้สึกสับสนและไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี จึงต้องมาร้องขอคำแนะนำและความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน ให้ช่วยเผยแพร่เพื่อให้สาธารณชนรับทราบปัญหานี้ด้วย” น.ส.แหม่ม กล่าวทิ้งท้าย






