“…แรงสะเทือนจาก “ภัยเงียบบุหรี่ไฟฟ้า” กำลังกลืนสังคมไทยอย่างเงียบเชียบ ถึงขั้นรัฐบาลต้องงัด “ยาแรง” ขึ้นมาใช้ นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกโรงประกาศกลางทำเนียบ ลั่นเตรียมชง “บุหรี่ไฟฟ้า” เข้าสู่ มูลฐานความผิดฐานฟอกเงิน เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถ “ปิดช่อง–ฟอกเครือข่าย” ได้เด็ดขาด พร้อมเร่งบูรณาการทุกหน่วยงานทั้ง ศุลกากร พาณิชย์ และศึกษาธิการ สกัดภัยร้ายที่กำลังลุกลามถึงห้องเรียน…”
ที่ทำเนียบรัฐบาล บรรยากาศการประชุม “สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้า” เต็มไปด้วยความตึงเครียด เมื่อรายงานล่าสุดชี้ว่า บุหรี่ไฟฟ้ากำลังระบาดหนักในกลุ่มเยาวชน โดยเฉพาะในโรงเรียนและสถานศึกษา ซึ่งไม่ใช่แค่ทำลายสุขภาพ แต่ยังบั่นทอนสมองและพฤติกรรมของเด็กอย่างร้ายแรง
นายสันติ ปิยะทัต เปิดเผยหลังการประชุมว่า รัฐบาลกำหนดให้เรื่องนี้เป็น วาระแห่งชาติ โดยตนได้รับมอบหมายตรงจากนายกรัฐมนตรีให้ “เร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม”
“เพื่อหยุดวงจรภัยบุหรี่ไฟฟ้า เราต้องเดินสองขาไปพร้อมกัน ทั้งให้ความรู้และปราบปรามอย่างเด็ดขาด” นายสันติกล่าวอย่างหนักแน่น
นายสันติระบุว่า เบื้องต้นรัฐบาลจะเร่งสร้างความเข้าใจกับเยาวชน ผู้ปกครอง และสังคม ผ่านการรณรงค์ทุกช่องทางให้ตระหนักถึงพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า ขณะเดียวกันจะสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการเข้มข้นในการปราบปราม ตั้งแต่ระดับนำเข้า การจำหน่าย ไปจนถึงการใช้
แต่สิ่งที่ทำให้ที่ประชุม “จับตา” คือข้อเสนอ ให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นมูลฐานความผิดฐานฟอกเงิน — แนวทางที่นายสันติยืนยันว่าเป็น “ยาแรง” ที่จำเป็น เพื่อเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินคดีต่อเครือข่ายผู้ลักลอบนำเข้าและจำหน่ายได้อย่างเบ็ดเสร็จ
“เมื่อบุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นความผิดฐานฟอกเงิน การเอาผิดก็จะครอบคลุมทุกห่วงโซ่ ตั้งแต่ผู้นำเข้า ผู้ค้าปลีก ไปจนถึงเครือข่ายเบื้องหลัง” นายสันติกล่าว
นายสันติยังย้ำว่า ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้เป็นแค่เรื่องสุขภาพ แต่เชื่อมโยงกับหลายกระทรวง ทั้งกรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจำเป็นต้องกลับไปทบทวนกฎหมายและมาตรการในสังกัด เพื่อให้สามารถ “รับมือกับภัยนี้ได้จริง”
“เราต้องปกป้องลูกหลานของเรา ก่อนที่ภัยเงียบนี้จะทำลายอนาคตของชาติ”
ข้อเสนอให้ “บุหรี่ไฟฟ้า” กลายเป็นความผิดฐาน ฟอกเงิน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะจะขยายอำนาจรัฐในการสืบทรัพย์ ยึดทรัพย์ และตัดเส้นทางการเงินของผู้ค้าวัตถุต้องห้ามได้โดยตรง หากแนวทางนี้ผ่านการเห็นชอบ นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยใช้กฎหมายการเงิน “สู้กับภัยสุขภาพ” อย่างเป็นระบบ
#สืบจากข่าว รายงาน
