วันนี้ (14 ต.ค.)นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปและกระแสข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ว่า มีไกด์ทัวร์ต่างชาติบังคับนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มหนึ่งให้ซื้อสินค้าตามที่ไกด์เถื่อนแนะนำ ไม่เช่นนั้นจะกลับประเทศไม่ได้ว่า ตนได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้สั่งการด่วนให้กรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการจดทะเบียนไกด์และบริษัทนำเที่ยว ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน ทั้งในส่วนของสถานที่เกิดเหตุ ช่วงเวลา บริษัททัวร์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรูปแบบโปรแกรมท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และรักษาภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย
“ขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น เราจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวในทุกด้าน ทั้งความปลอดภัย ความสะดวก ความสะอาด และมาตรฐานการบริการ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง จะต้องมีมาตรการลงโทษ เพราะการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายหลอกลวงหรือบังคับนักท่องเที่ยว ถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าว
นายอรรถกร กล่าวทิ้งท้ายว่า กระทรวงฯ จะดำเนินการทุกขั้นตอนให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองสิทธิของนักท่องเที่ยว และรักษามาตรฐานความน่าเชื่อถือของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในสายตาชาวโลก
ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมการท่องเที่ยว พบว่า กรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตาม พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 โดยไกด์ต่างชาติ มีความผิดฐานทำหน้าที่มัคคุเทศก์โดยไม่มีใบอนุญาตมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ตามมาตรา 86 ประกอบมาตรา 49) และไกด์ไทย มีความผิดฐานยินยอมให้ผู้อื่นปฏิบัติหน้าที่แทน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ตามมาตรา 60) ส่วนบริษัททัวร์ จะมีความผิดฐานแสวงหาประโยชน์โดยไม่เป็นธรรมจากนักท่องเที่ยว มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และอาจถูกพักใช้ใบอนุญาตไม่เกิน 6 เดือน (ตามมาตรา 83 ประกอบมาตรา 25 และระเบียบข้อ 5 (7) )