เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ต.ค.68 ที่ สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารเอ. ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นายกฤษฎา อินทามระ หรือ “ทนายปราบโกง” ได้นำพนักงานและอดีตพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จำนวน 46 คน ซึ่งเป็นโจทก์ เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้ทบทวนการดำเนินการของอัยการคดีแพ่งที่จะเข้ามาเป็นทนายความต่อสู้คดีหรือแก้ต่างให้กับ กทท. ในคดีที่พนักงานกลุ่มนี้ได้ยื่นฟ้อง กทท. เป็นจำเลยต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ในข้อหาละเมิดเรียกค่าเสียหายคนละ 4 ล้านบาท
ทนายกฤษฎา กล่าวว่า คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการที่ กทท. ได้เคยร้องทุกข์กล่าวโทษโจทก์ทั้งหมดต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเดือนมิถุนายน 2560 โดยกล่าวหาว่ามีการโกงค่าล่วงเวลาโดยไม่ได้ทำงานจริงซึ่ง กทท. กระทำการโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดก่อน จนทำให้ ดีเอสไอหลงเชื่อรับเป็นคดีพิเศษและมีการเผยแพร่ข่าวในทำนองว่ามีการโกงเงินไปจำนวนหลายพันล้านบาท
ทำให้โจทก์ทั้งหมดต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง กินไม่ได้นอนไม่หลับ และครอบครัวเดือดร้อนมานานกว่า 7 ปี
ทนายปราบโกง กล่าวต่อ อย่างไรก็ตาม ต่อมาในวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ทาง กทท. กลับมีหนังสือแจ้งไปยังดีเอสไอ ว่า จากการตรวจสอบสำนวนคดีแพ่งที่ศาลแรงงานกลางกว่า 1,000 สำนวนแล้ว ไม่พบการกระทำผิดอาญาที่จะดำเนินคดีต่อไปได้ จึงขอยุติคดี
ซึ่ง ทนายปราบโกง ชี้ว่า การกระทำดังกล่าวเท่ากับเป็นการยอมรับโดยปริยายว่าการกล่าวหาพนักงานกว่า 500 คนเมื่อปี 2560 เป็นการดำเนินการโดยขาดเหตุผลอันสมควร เข้าข่ายจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์อย่างมาก จึงเป็นเหตุให้ต้องมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในคดีนี้
นายกฤษฎา ในฐานะทนายความของโจทก์ทั้ง 46 คน จึงจำเป็นต้องยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด เนื่องจากศาลได้กำหนดนัดสืบพยานครั้งแรกในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 และ กทท. จะต้องร้องขอให้อัยการคดีแพ่งเข้ามาแก้ต่างให้ ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อสงสัยต่อความเหมาะสมในบทบาทของพนักงานอัยการในฐานะ “ผู้พิทักษ์ความยุติธรรมของรัฐและประชาชน”
ทนายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นปรากฏชัดแล้วว่า กทท. เป็นผู้กระทำละเมิดจริงตามคำฟ้องของโจทก์แต่ละคน ดังนั้น การที่อัยการคดีแพ่งจะเข้ามาแก้ต่างแทนโดยไม่ทบทวนข้อเท็จจริงให้รอบคอบ อาจขัดต่อหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และความเป็นกลางของพนักงานอัยการได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากอดีตพนักงานการท่าเรือฯ ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแพ่ง กทท. เรียกร้องค่าเสียหายที่ถูกละเมิดฯ ดำเนินคดีโดย ดีเอสไอ เป็นระยะเวลานานกว่า 7 ปี แล้วยังมีทายาทซึ่งเป็นทั้งบุตรชายและภรรยา ของอดีตพนักงานการท่าเรือที่เสียชีวิตระหว่างถูกดำเนินคดีมาร่วมเรียกร้อง ความยุติธรรม ในครั้งนี้ด้วย ก่อนที่ทั้งหมดจะยืนสงบไว้อาลัยกับ เพื่อนอดีตพนักงานการท่าเรือที่เสียชีวิตด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบรับหนังสือร้องดังกล่าวเพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป



















