“ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช” เดินหน้าดำเนินคดีครั้งใหญ่ หลังถูก “พระมนัส ลูกตถาคต” โพสต์จ้างวานฆ่าผ่านเฟซบุ๊ก ตั้งค่าหัวตนเองและ “นายสายัณห์” คนละ 1 แสนบาท เตรียมเข้าแจ้งความกองปราบฯ พรุ่งนี้ พร้อมแถลงความคืบหน้าคดี “เชื่อมจิต” และคดีอื่นที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 23 ตุลาคม 2568 นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เตรียมเดินหน้าดำเนินคดีครั้งใหญ่ หลังถูกผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “พระมนัส ลูกตถาคต ส่งเสริมความเป็นไทย” ซึ่งระบุตัวตนว่าเป็น “พระมนัส” หรือ “พระไพโรจน์” โพสต์ข้อความและคลิปวิดีโอในลักษณะ จ้างวานฆ่า ตนเองและนายสายัณห์ โดยเสนอค่าหัวคนละ 100,000 บาท
นายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีในวันพรุ่งนี้ (24 ตุลาคม 2568) เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (กองปราบปราม) โดยมูลนิธิทนายกองทัพธรรมจะยื่นดำเนินคดีในหลายข้อหา อาทิ
- พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
- ความผิดฐานพยายามฆ่า
- ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด
รวมถึงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289(4), 85, 392 และ 397 ว่าด้วยการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และการโฆษณาจ้างวานให้กระทำความผิด
ทั้งนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 โดยผู้ใช้บัญชี “พระมนัส ลูกตถาคต ส่งเสริมความเป็นไทย” ได้โพสต์คลิปวิดีโอตอบโต้นายสายัณห์ ซึ่งก่อนหน้านั้นได้โพสต์เกี่ยวกับความร่วมมือกับทนายอนันต์ชัยในการ “จัดการพระมนัส”
ภายในคลิปเสียงมีการพูดอย่างชัดเจนว่า “ถ้าใครตุ๋ย 2 คนนี้ได้ คนละ 100,000 บาท ติดต่อลูกตถาคต ธรรมนัส ได้ ย้ำ! ใครตุ๋ยได้ 100,000 บาทต่อคน ติดต่อมาได้”
พร้อมแนบภาพของ ทนายอนันต์ชัย และ นายสายัณห์ ประกอบข้อความ “ตุยมันตัวละ 1 แสน ติดต่อมาได้” ซึ่งถือเป็นการข่มขู่และยุยงให้เกิดการกระทำรุนแรง
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า ตนได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เห็นว่าการกระทำนี้เป็นเรื่อง อุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งที่ผู้โพสต์อยู่ในเพศบรรพชิต อีกทั้งยังถือเป็นการ จ้างวานฆ่าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเข้าข่ายความผิดร้ายแรงตามกฎหมาย
เขายืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อปกป้องความยุติธรรม และป้องปรามไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ซ้ำอีก
นอกจากนี้ ทนายอนันต์ชัยยังเผยว่า ในวันเดียวกัน (24 ต.ค.) จะมีการแถลงความคืบหน้า คดีเชื่อมจิต, คดีพุทธสาวก คนสอนทำ, และ คดีพระสั่งฆ่าผมและพระมหาอุเทน ซึ่งมูลนิธิฯ กำลังติดตามอยู่
พร้อมกันนี้ ยังได้โพสต์สอบถามไปยัง คณะสงฆ์ทุกจังหวัด, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับพระไพโรจน์ หรือพระมนัส ลูกตถาคต ว่าอยู่ในปกครองของพระอาจารย์รูปใด และมีวัดต้นสังกัดใด เพื่อใช้ประกอบการดำเนินคดีในลำดับต่อไป


