“ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช” ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ออกโรงให้ข้อเสนอแนะกรณี “กัน จอมพลัง” ชี้ตามกฎหมาย มูลนิธิ–สมาคมทุกแห่งห้ามเปิดรับบริจาคเองโดยไม่ขออนุญาต พร้อมแยกชัดระหว่าง “ผลงานเพื่อสังคม” กับ “ข้อผิดพลาดทางกฎหมาย” ย้ำควรให้อภัยและเปิดโอกาสให้แก้ไขอย่างโปร่งใส
เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 24 ตุลาคม นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี “กัน จอมพลัง” หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ที่กำลังตกเป็นกระแสสังคม หลังมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการดำเนินงานของ “มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้” โดยระบุว่า กฎหมายได้กำหนดชัดว่า มูลนิธิหรือสมาคมทุกแห่งไม่มีสิทธิ์เปิดรับบริจาคหรือเรี่ยไรเงินจากประชาชนได้เอง เว้นแต่จะต้องยื่นขออนุญาตเป็นรายโครงการจากทางราชการ ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487
นายอนันต์ชัยกล่าวว่า การเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ไม่ว่ามูลนิธินั้นจะมีเจตนาดีเพียงใดก็ตาม หากต้องการเปิดรับบริจาคเพื่อใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ ก็ต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนก่อนทุกครั้ง “เรื่องนี้มูลนิธิจำนวนไม่น้อยยังเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งกรมการปกครองได้ยืนยันหลักเกณฑ์นี้ไว้อย่างชัดเจน”
แนะให้แยก “เจตนาดี” ออกจาก “ข้อผิดพลาดทางกฎหมาย”
นายอนันต์ชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนตัวไม่เคยบริจาคเงินให้มูลนิธิกันจอมพลัง และไม่ได้มีเจตนาซ้ำเติม แต่เห็นว่าควรแยกให้ชัดระหว่าง “ผลงาน” กับ “ข้อผิดพลาดทางกฎหมาย” โดยยอมรับว่าผลงานของกัน จอมพลังที่ช่วยเหลือประชาชนในหลายกรณีถือว่ามีคุณูปการต่อสังคม แต่ข้อผิดพลาด เช่น การเปิดรับบริจาคโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการจัดทำบัญชีไม่ครบถ้วน ล้วนต้องได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง
“กัน จอมพลังอาจมีเจตนาดี แต่ขาดประสบการณ์ด้านการจัดการเอกสารและขั้นตอนทางกฎหมาย เพราะทุ่มเทเวลาให้การช่วยเหลือประชาชนมากกว่า จึงอยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจและให้อภัย พร้อมเปิดโอกาสให้เขาได้ปรับปรุงให้ถูกต้องตามระเบียบ ไม่ควรทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่”
เสนอแนวทางสร้างความโปร่งใส–ฟื้นความเชื่อมั่น
สำหรับแนวทางแก้ไข นายอนันต์ชัยแนะนำว่า มูลนิธิกันจอมพลังควรจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างโปร่งใส และยื่นต่อเจ้าหน้าที่นายทะเบียนอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งแก้ไขข้อบังคับในส่วนของ “ผู้รับมอบทรัพย์สิน” กรณีมูลนิธิเลิกล้ม โดยควรกำหนดให้ทรัพย์สินตกแก่หน่วยงานสาธารณกุศลที่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันข้อครหาและสร้างความไว้วางใจในสังคม
“เช่นเดียวกับมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ที่ระบุชัดในข้อบังคับว่า หากมูลนิธิเลิกล้ม ทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกโอนให้แก่วัดเทพลีลา เพื่อให้มั่นใจว่าทรัพย์สินทุกบาททุกสตางค์ใช้ไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม” นายอนันต์ชัยกล่าว
ทิ้งท้ายเตือนทุกมูลนิธิ–ทำงานต้องโปร่งใส ไม่พลาดซ้ำรอย
นายอนันต์ชัยทิ้งท้ายว่า กรณีของ “กัน จอมพลัง” ควรเป็นอุทาหรณ์สำคัญให้มูลนิธิทุกแห่งในประเทศไทยปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาความโปร่งใสและความเชื่อมั่นจากประชาชน พร้อมให้กำลังใจว่า ความผิดพลาดของกัน จอมพลังสามารถให้อภัยได้ หากยอมปรับปรุงและดำเนินงานเพื่อประชาชนด้วยความบริสุทธิ์ใจ





