ไฮไลท์การเมือง : “ประยุทธ์” ย้ำมาตรการช่วยเหลือประชาชนไม่ใช่แจกเงิน สนับสนุนห่วงโซ่การใช้จ่ายภาคประชาชน เน้นลงทุนเศรษฐกิจใหม่ ตั้งเป้าจีดีพีโตร้อยละ 4
26 มี.ค. 64 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณทางเชื่อมตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ครั้งที่ 1/2564 ว่า รัฐบาลดูแลทั้งปัญหาสุขภาพและเศรษฐกิจไปพร้อมๆกัน ซึ่งทั้งสองด้านอย่างต้องเดินหน้าไปด้วยกัน สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้ คือ วัคซีน ได้รับรายงานว่ามีการนำวัคซีนเข้ามาอีกยี่ห้อหนึ่ง คือ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งฉีดเพียงเข็มเดียว ถือเป็นสินค้าในภาวะฉุกเฉินก่อนในขณะนี้ จะเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ได้ไปจำกัดใครทั้งสิ้น
นายกรัฐมนตรียืนยัน การฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นไปตามแผน ซึ่งได้ทยอยดำเนินการฉีดให้แก่กลุ่มเป้าหมายแล้ว ปัจจุบันมีวัคซีนเข้ามาในประเทศทั้ง 3 ยี่ห้อ ทั้งแอสตราเซนเนก้า ซิโนแวค และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งวันนี้ ซิโนแวคเข้ามาเพียงแค่ 200,000 โดส และจะเข้ามาอีก 800,000 โดส รวมเป็น 1 ล้านโดส ภายใน 2 เดือนนี้ แต่หลังจากเดือนเมษายนแล้วจะเข้ามาอีกมากพอสมควร ประมาณเดือนละ 10 ล้านโดส เพื่อนำวัคซีนมาใช้ควบคุมสถานการณ์ระบาดและเร่งรัดในการฉีดวัคซีน มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย แผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ไหนอย่างไร และกลุ่มใดบ้าง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข ท้องถิ่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และจังหวัด สำคัญประชาชนต้องมีความสมัครใจ ซึ่งในหลายคนยังไม่อยากฉีด ไม่กล้าฉีด ณ วันนี้ เราฉีดวัคซีนได้สอดคล้องกับวัคซีนที่มีอยู่ สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือประชาชนไปมากพอสมควร แต่ไม่ใช่เป็นการไปแจกเงิน แต่เป็นการทำให้ทุกคนสามารถดำรงชีพอยู่ได้ สนับสนุนห่วงโซ่การใช้จ่ายในสังคม รวมถึงผู้ผลิต การนำเข้าวัตถุดิบ ขณะเดียวกันต้องเสริมธุรกิจใหม่ของเรา เน้นปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นอยู่แบบนี้ ทุกคนต้องช่วยกัน ทั้งการลงทุนใหม่ การลงทุนภายในประเทศ การออมเงินของไทยมีเพิ่มขึ้นหลายแสนล้าน ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันลงทุน เพราะรัฐบาลมีเงินจำกัดอยู่คือ งบประมาณแผ่นดินและเงินในส่วนของรัฐวิสาหกิจซึ่งได้เร่งลงทุนไป เมื่อทุกคนช่วยกันหอการค้า ภาคอุตสาหกรรม รัฐบาล ธุรกิจเอกชนร่วมมือกันในทุกมิติ คาดว่าจะดัน GDP ของประเทศให้ขึ้นถึง 4% ได้ในปีนี้และปีหน้า ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายไว้ที่วางไว้ นายกรัฐมนตรียังขอให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของตนเองและรัฐบาลซึ่งร่วมกันทำงานกันอย่างเต็มที่และใช้จ่ายเงินงบประมาณอย่างระมัดระวัง
Advertising