คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงกังวลต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของทหารและประชาชนบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะตั้งแต่ 11 ธ.ค. 2568 ชี้การโจมตีพื้นที่พลเรือนเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ พร้อมเรียกร้องยุติความรุนแรงและเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยแพร่แถลงการณ์แสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ภายหลังมีรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารของทั้งสองประเทศตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา
กสม. ระบุว่า พบการโจมตีด้วยอาวุธจรวด BM-21 เข้าสู่พื้นที่พลเรือน อาทิ บริเวณ บ้านหนองเม็ก ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเขตชุมชนและใกล้สถานศึกษา ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต บ้านเรือนถูกเพลิงไหม้ ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหาย กระทบต่อรายได้และการประกอบอาชีพของประชาชน โรงพยาบาลหลายแห่งต้องปิดให้บริการชั่วคราว และมีประชาชนจำนวนมากจำเป็นต้องอพยพออกจากพื้นที่
กสม. แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของทหารและประชาชนผู้เสียชีวิต รวมถึงผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมส่งกำลังใจให้ทุกฝ่ายสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ความเดือดร้อนครั้งนี้ไปได้
ในแถลงการณ์ระบุเพิ่มเติมว่า การเปิดฉากปะทะและการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายเข้าสู่แหล่งชุมชน ตลอดจนพฤติการณ์ที่ขัดขวางการเดินทางกลับประเทศของประชาชนชาวไทยจำนวนหลายพันคน ถือเป็นการกระทำที่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนสากลและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ อนุสัญญาเจนีวา และ ธรรมนูญกรุงโรม
ในฐานะสถาบันสิทธิมนุษยชนระดับชาติของไทยที่จัดตั้งขึ้นตาม หลักการปารีส กสม. จึงเรียกร้องให้รัฐบาลและกองทัพกัมพูชาเคารพหลักสิทธิมนุษยชน ยุติการโจมตีพื้นที่พลเรือน และไม่ใช้พลเรือนเป็นเสมือนโล่มนุษย์ ขณะเดียวกัน ขอให้รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเยียวยาความเสียหาย ดูแลผู้ได้รับผลกระทบ และแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามและสร้างความสูญเสียเพิ่มเติม
กสม. ยังแสดงความหวังว่า สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนจะคลี่คลายและกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมย้ำว่า ทุกฝ่ายควรหลีกเลี่ยงการสร้างหรือขยายความเกลียดชังทางเชื้อชาติในหมู่ประชาชนของทั้งสองประเทศ เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค
