กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) สนธิกำลังเข้าตรวจค้นโรงงานแปรรูปไม้ผิดกฎหมายริมถนนหลวงจังหวัดน่าน หลังพบพฤติกรรมอวดอ้างผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.68 เวลาประมาณ 14.30 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. และ พล.ต.ต.เอนก เตาสุภาพ ผบก.ปทส. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย ร.ต.ต.ภิรัช เหรียญทอง รอง สว.(ป) กก.4 บก.ปทส. เข้าตรวจสอบบริเวณที่ดินสำนักสงฆ์นรินธรรม ริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 ต.ผาสิงห์ อ.เมืองน่าน หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้หวังดีว่ามีการลักลอบตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ขออนุญาตตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบพบเพิงพักดัดแปลงเป็นโรงงานแปรรูปไม้ มีเครื่องจักรทำงานส่งเสียงดังและมีป้ายประกาศรับซื้อไม้ติดตั้งอย่างเปิดเผย เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย คือ 1.นายสมบูรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี 2.นายอำนวย (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี 3.นายคำ (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี
พร้อมร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าของโรงงาน คือ นายประพันธ์ (สงวนนามสกุล) หรือ “นายเอส” อายุ 54 ปี ของกลางที่ตรวจยึด ประกอบด้วย 1.เครื่องยนต์ต้นกำลัง (ยี่ห้อยันม่าร์) 1 เครื่อง 2.ใบเลื่อยวงเดือนขนาด 31 นิ้ว และสายพานส่งกำลัง 3.เลื่อยโซ่ยนต์พร้อมแผ่นบังคับโซ่ยาว 22 นิ้ว 1 เครื่อง 4.ไม้งิ้วแปรรูป จำนวน 5 แผ่น/เหลี่ยม
พฤติการณ์ในคดีนี้พบว่า ขณะเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงาน นายเอส ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงาน มีท่าทีไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยพยายามอ้างชื่อผู้มีอิทธิพลในพื้นที่คอยหนุนหลัง และพูดจาในลักษณะข่มขู่กดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้บันทึกวิดีโอและพฤติการณ์ทั้งหมดไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด โดยยืนยันว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย” และเป็นนโยบายหลักของ CIB ในการปราบปรามมาเฟียทรัพยากรธรรมชาติ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาตามฐานความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ร่วมกันตั้งโรงงานและแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรโดยไม่ได้รับอนุญา, พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 ร่วมกันตั้งและประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญา , พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 มีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายให้การ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองน่าน เพื่อขยายผลถึงเครือข่ายผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
