“เนวินเถื่อน” อดีตจำเลยคดีข่มขืนสาวจีนปี 2567 เข้าร้องสภาทนายความขอความเป็นธรรม พร้อมเดินหน้าฟ้องกลับหญิงจีนคู่กรณี ฐานแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จในศาล หลังถูกคุมขังในเรือนจำนานกว่า 1 ปี 3 เดือน ก่อนศาลพิพากษายกฟ้อง
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 ธันวาคม 2568 ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ (พหลโยธิน 59) นายธนภัทร คำปันพรม หรือที่รู้จักในฉายา “เนวินเถื่อน” อายุ 36 ปี เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่สภาทนายความ เพื่อปรึกษาขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย หลังถูกกล่าวหาในคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนเมื่อปี 2567 จนถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2567 ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 รวมระยะเวลากว่า 1 ปี 3 เดือน
นายธนภัทร เปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 โดย Miss JJ (นามสมมติ) นักท่องเที่ยวสาวชาวจีน ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท กล่าวหาว่าตนข่มขืนและลักทรัพย์ นำไปสู่การออกหมายจับและควบคุมตัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นศาล ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 (คดีหมายเลขดำที่ อ.2607/2567 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.2303/2568) ให้ ยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า พยานหลักฐานของโจทก์ยังมีข้อสงสัยตามสมควร ไม่อาจยืนยันได้แน่ชัดว่าจำเลยกระทำผิด ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
“ผมเสียอิสรภาพไป 1 ปี 3 เดือน ทั้งที่ไม่ได้ทำผิด ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ชื่อเสียง แต่กระทบถึงชีวิต ครอบครัว และอนาคต ผมต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีและเรียกร้องความยุติธรรมคืนมา” นายธนภัทรกล่าว
ก่อนเข้าพบสภาทนายความ นายธนภัทรได้เดินทางไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.พีรพงษ์ โพธิ์ศรี รองสารวัตร (สอบสวน) สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีกับ Miss JJ ในข้อหา
- แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน เพื่อให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา
- เบิกความเท็จต่อศาล
พร้อมกันนี้ยังอยู่ระหว่างการปรึกษาทีมทนายความเพื่อเตรียม ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม จากการถูกคุมขังโดยไม่เป็นธรรม
นายธนภัทร ยังได้กล่าวถึงความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการเก็บของกลาง โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ของตนที่ถูกยึดไว้เป็นของกลาง แต่เจ้าหน้าที่กลับนำกุญแจติดตัวกลับต่างจังหวัด โดยนัดให้มารับคืนในวันที่ 7 มกราคม 2569 “ผมสงสัยว่าของกลางคดีอื่นเก็บไว้ในโรงพัก แต่ทำไมคันของผมต้องไปอยู่ส่วนตัวคนอื่น” เจ้าตัวกล่าวด้วยความไม่พอใจ
สำหรับคดีนี้ นายธนภัทรยืนยันว่า จะเดินหน้าเอาผิดผู้กล่าวหาให้ถึงที่สุด เพื่อเป็นบรรทัดฐานในสังคมและเรียกคืนศักดิ์ศรีของผู้บริสุทธิ์ที่ต้องติดคุกฟรี
