วันพุธ, ธันวาคม 24, 2025
หน้าแรกท้องถิ่น“ทนายปราบโกง” จี้สอบอัยการกราวรูด! แฉสวนทาง MOU คุ้มครองสิทธิประชาชน ปมแก้ต่างคดีการท่าเรือฯ

Related Posts

“ทนายปราบโกง” จี้สอบอัยการกราวรูด! แฉสวนทาง MOU คุ้มครองสิทธิประชาชน ปมแก้ต่างคดีการท่าเรือฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง สำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน กับ สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ล่าสุด นายกฤษฎา อินทามระ หรือ “ทนายปราบโกง” ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงพฤติกรรมของอัยการบางส่วนที่อาจสวนทางกับเจตนารมณ์ของ MOU ฉบับดังกล่าว

นายกฤษฎา ระบุว่า เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2568 ตนได้ให้ความช่วยเหลือประชาชน 46 ราย ที่ถูกการท่าเรือแห่งประเทศไทยร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในข้อหาทุจริตการเบิกค่าล่วงเวลา ซึ่งสร้างความเสียหายให้รัฐกว่า 3,000 ล้านบาท โดยอัยการได้ส่งฟ้องต่อศาลเพียง 34 รายจากทั้งหมด 560 ราย ต่อมาในเดือนมีนาคม 2568 ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 34 ราย

หลังคำพิพากษา ผู้เสียหาย 46 รายที่ไม่อยู่ในกลุ่มจำเลยชุดดังกล่าว ได้ยื่นฟ้องการท่าเรือฯ ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อเรียกค่าเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิ คนละ 4 ล้านบาท โดยก่อนที่การท่าเรือจะยื่นคำให้การต่อสู้คดี ทนายปราบโกงได้พาผู้เสียหายทั้งหมดเข้ายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 เพื่อขอให้ทบทวนการเข้าแก้ต่างแทนการท่าเรือฯ ตามสิทธิใน MOU

อย่างไรก็ตาม ผลที่เกิดขึ้นกลับตรงข้าม เมื่อสำนักงานอัยการสูงสุดมอบหมายอัยการ 11 คน มาทำหน้าที่ทนายแก้ต่างแทนการท่าเรือฯ และได้ยื่นคำให้การต่อศาลเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 โดยระบุว่า “การท่าเรือร้องทุกข์เพียง 32 คน” พร้อมแนบรายชื่อที่ไม่ปรากฏชื่อผู้เสียหายทั้ง 46 คน ซึ่งนายกฤษฎามองว่าเป็นการ บิดเบือนข้อเท็จจริง

ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 ผู้เสียหายจำนวน 9 ราย ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการอัยการ (กอ.) ขอให้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงอัยการทั้ง 9 คนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 คณะกรรมการอัยการได้มีหนังสือตอบกลับมาว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าว

“MOU ระหว่างผู้ตรวจการแผ่นดินกับอัยการสูงสุดนั้น มีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองสิทธิประชาชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคืออัยการกลับไปยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ ผมจึงตั้งคำถามว่า การกระทำนี้สวนทางกับ MOU หรือไม่ และควรจำกัดความรับผิดชอบเพียงระดับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ หรือขยายไปถึงผู้บังคับบัญชาและระดับนโยบายของสำนักงานอัยการสูงสุดด้วย”

ทนายปราบโกงย้ำว่า กรณีนี้ไม่ใช่เพียงคดีแพ่งธรรมดา แต่เป็น “บทพิสูจน์ศรัทธา” ขององค์กรอัยการ ว่าจะยืนอยู่ข้างความเป็นธรรมและสิทธิของประชาชนตามเจตนารมณ์ของกฎหมายจริงหรือไม่.

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts