เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 24 ธันวาคม 2568 ที่สถานีตำรวจนครบาลพญาไท ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี หรือที่รู้จักในนาม “ทนายความผู้ผดุงความยุติธรรม” ได้นำ นายธนภัทร คำปันพรม หรือ “เน วินเถื่อน” เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับหญิงสาวชาวจีนคู่กรณี ในข้อหา แจ้งความเท็จและเบิกความเท็จต่อศาล หลังศาลอาญามีคำพิพากษา ยกฟ้อง คดีข่มขืนและลักทรัพย์ ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว
“ทนายเกรียงศักดิ์” ยันหลักฐานชัด เตรียมฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย
ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ระบุว่า จากการตรวจสอบคำพิพากษาพบว่า พยานหลักฐานฝ่ายหญิงขัดแย้งกับข้อเท็จจริง และคำให้การมีลักษณะบิดเบือนจนทำให้จำเลยต้องสูญเสียอิสรภาพกว่า 1 ปี 3 เดือน
“ใครก็แจ้งความได้ แต่ถ้าแจ้งความเท็จจนคนอื่นต้องติดคุก คุณต้องรับผิดชอบทั้งทางอาญาและทางแพ่ง”
— ทนายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี
ทนายความระบุเพิ่มเติมว่า หากพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง จะขอเข้าเป็น โจทก์ร่วม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 เพื่อเรียกค่าเสียหายจากผู้กล่าวหา
“เน วินเถื่อน” เปิดใจทั้งน้ำตา — “ชีวิตพังเพราะคำโกหก”
นายธนภัทรเผยว่า หลังตกเป็นข่าว ถูกตราหน้าว่าเป็น “วินหื่น” หรือ “เน วินเถื่อน” ทำให้เสียชื่อเสียงและสูญเสียทุกอย่าง แม้ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้อง แต่ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำนานถึง 1 ปี 3 เดือน
“ตอนอยู่ข้างใน ผมถูกคนรังเกียจ ญาติพี่น้องก็ไม่กล้ามาหา พอออกมาก็ไม่มีที่ไป ต้องอาศัยวัดอยู่ ทุกวันนี้แค่ขอความเป็นธรรมคืนมา”
นายธนภัทรยังตั้งข้อสังเกตว่า หากฝ่ายหญิงหมดสติจริงอย่างที่อ้าง คงไม่สามารถซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จาก RCA ไปถึงย่านประตูน้ำได้ พร้อมยืนยันว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็น “การสมยอมทั้งสองฝ่าย”
ตำรวจเร่งตรวจสอบสถานะสาวจีน
พนักงานสอบสวน สน.พญาไท อยู่ระหว่างตรวจสอบสถานะหญิงชาวจีนรายดังกล่าว หากยังอยู่ในประเทศไทย จะเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหา แต่หากเดินทางกลับประเทศต้นทางแล้ว จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อให้มารับผิดชอบตามกระบวนการยุติธรรมของไทยต่อไป.
