ที่ชลบุรี ตำรวจ รวบ 2 พี่น้องใจโหด ชิงทรัพย์ แล้วให้ปล่อยให้ผู้เสียหายวิ่ง ก่อน จะยิงตามหลัง แล้วยังมีเหยื่อ รายอื่นถูกยิงเสียชีวิตจากที่ขัดขืน
เมื่อเวลา11.30น.วันที่14ส.ค.2565 เป็นคลิปภาพที่ทางตำรวจชลบุรี และ ตำรวจภาค 2 สนธิกำลัง เข้าบุกจับ 1 ในคนร้าย ที่หอพัก สตูดิโอ 77 ตำบลโคกแย้ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จากกรณีที่คนร้ายจำนวน 2 คน ตระเวนชิงทรัพย์ประชาชนโดยใช้อาวุธปินในพื้นที่ภาคตะวันออก และมีพฤติกรรมโหดเหี้ยม ทั้งใช้อาวุธปืนจี้บังคับผู้เสียหายเข้าไปนอนอยู่ในกระโปรงหลังรถยนต์ แล้วขับพาผู้เสียหายไปปล่อยทิ้งไว้ในพื้น จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยบอกให้ผู้เสียหายวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด พอผู้เสียหาย ได้วิ่งหลบหนี และได้ยินเสียงปืนยิงตามหลังมา 1 นัด โดยคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์สิน และต่อมายังไปลงมือก่อเหตุอีก ได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายบริเวณศีรษะจนถึงแก่ความตาย หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ลงมาควบคุมการสืบสวนพร้อมสั่งการให้สืบสวนจับกุมโดยเร็ว
จนล่าสุด เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2565 เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และ ตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ภายให้การอำนวยการ พล.ต.อ.สุซาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายนราธิปหรือ กอล์ฟ คุ้มภัย อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย มือยิง และนายชยณัฐหรือนัท คุ้มภัย อายุ 23 ปี พร้อมของกลาง 1.อาวุธปืนพกสั้นออโตเมติก แบบไทยประดิษฐ์ ขนาด .380 บรรจุกระสุน 1 นัด อาวุธที่ใช้ก่อเหตุยิงผู้ตาย รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน มาร์ช สีฟ้า ทะเบียน งธ 8501 ชลบุรี ที่ใช้ก่อเหตุคดีพัทยา รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า แคมรี่ สีเทา ทะเบียน งฉ 1891 นครราชสีมา รถของผู้เสียหายใช้ก่อเหตุคดีแหลมฉบัง) ทรัพย์สินของกลางที่ได้มาจากการชิงทรัพย์จำนวนหลายรายการ ที่มีในความผิดฐาน ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่นเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตาย ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิด ตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ร่วมกันมีอาวุธปิน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับ อนุญาต และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน โดยจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าหอพัก สตูดิโอ 77 ตำบลโคกแย้ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี
ทางตำรวจชุดจับกุมเปิดเผยว่า พฤติการณ์ของคนร้ายก่อนการจับกุม เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ได้ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน มาร์ซ สีฟ้า ก่อเหตุชิงทรัพย์ นายสหรัตน์ ขอสงวนนามสกุล อายุ 35 ปี ผู้เสียหาย ขณะจอดรถยนต์เก๋ง โตโยต้า แคมรี่ สีเทา ทะเบียน งฉ 1891 นครราชสีมา รอลูกค้าอยู่บริเวณถนนสาย 3 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยใช้อาวุธปืนจี้บังคับผู้เสียหายให้ขึ้นรถ ของผู้เสียหายเอง แล้วขับพาไปที่เปลี่ยวบังคับให้ผู้เสียหายลงจากรถเข้าไปนอนอยู่ในกระโปรงหลังรถ แล้วขับพาผู้เสียหายไปปล่อย ทิ้งไว้ในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยบอกให้ผู้เสียหายวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุดไม่เช่นนั้นจะใช้อาวุธปืนยิง ผู้เสียหายได้วิ่งหลบหนี และได้ยินเสียงปืนยิงตามหลังมา 1 นัด จากนั้นคนร้ายได้นำรถยนต์และทรัพย์สินในรถมี โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน รุ่น XR จำนวน 1 เครื่อง และเงินสด 1,000 บาท ของผู้เสียหาย หลบหนีไป จนต่อมาวันที่ 12 สิงหาคม คนร้ายทั้ง 2 คน ได้ลงมืออีก ขณะที่นายปิยวัฒน์ ขอสงวนนามสกุล อายุ 27 ปี และ น.ส.ธัญญารัตน์ ขอสงวนนามสกุล อายุ 24 ปี ขับรถมาจอดบริเวณลานจอดรถใกล้ที่พัก ได้เดินเข้ามาหาและใช้ อาวุธปืนจี้ผู้เสียหายทั้งสอง บังคับให้ส่งกระเป๋าสะพายให้ นายปียวัฒน์ ได้ขัดขืนและมีการยื้อแย่งกัน หนึ่งในคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ศรีษะของ นายปิยวัฒน์ จนล้มลงได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นได้แย่งกระเป๋าสะพายซึ่งภายในมี โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 12 จำนวน 1 เครื่อง หูฟิงไอพอดและเงินสดไม่ทราบจำนวน แล้วขับรถยนต์เก๋ง โตโยต้า แคมรี่ สีเทา รถผู้เสียหายคดีแรก)หลบหนีไป และต่อมา นายปียวัฒน์ ผู้เสียหาย ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งประวัติคนร้ายที่เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว และพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งเป็นพี่น้องกัน โดยได้นำรถของผู้เสียหายในคดีแรกมาใช้ก่อเหตุในคดีหลังด้วย ตรวจสอบประวัติพบว่า ทั้งสองคนเคยถูกจับกุมในความผิด ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ และเสพยาเสพติด มาแล้วหลายคดี
ด้านทางผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้เสียหายทั้งสองคดีจริง โดย นายนราธิป ซึ่งเป็นพี่ชาย ได้ชักชวนน้องชายให้มาก่อเหตุชิงทรัพย์และเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย เนื่องจากผู้เสียหายขัดขืน ส่วนที่ทำไปเพราะไม่ได้ทำงาน ไม่มีเงิน และเคยก่อเหตุในลักษณะวิ่งราวทรัพย์มาแล้วหลายครั้งในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและในพื้นที่ภาคตะวันออก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค2 จึงอยากฝากประชาสัมพันธ์ หากผู้เสียหายเคยถูกก่อเหตุในลักษณะนี้หรือเคยพบเบาะแสหรือการกระความผิดของผู้ต้องหาทั้ง 2 ขอให้แจ้งมาที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 หรือ ทางFacebook สืบสวน ภาค 2 ได้ตลอด24ชั่วโมง