ทนายตั้ม จ่อร้อง ผบช.ก. โอนคดีหลานอดีต รมต.วางยาขืนใจดาราให้กองปราบฯ อยากให้ผู้เสียหายไปดื่มน้ำสาบานที่วัดพระแก้วมรกต ซึ่งทางตัวผู้เสียหายเองก็ยินดี แต่ทางฝ่ายผู้เสียหายเองก็มีข้อแม้ว่าอยากให้ทางฝั่งผู้ชายมาสาบานด้วยและถ้าใครโกหก “ก็ให้ชิบหายวายป่วงกันไปทั้งโคตร”
จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พานักแสดงสาวอายุ 21 ปี เข้าพบ ผกก.สน.โชคชัย เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีถูกนักธุรกิจเจ้าของบริษัทใหญ่ หลานชายอดีต รมต. วางยาล่วงละเมิดทางเพศในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่ สน.โชคชัย เมื่อวันที่ 11 ส.ค. แต่คดีไม่คืบหน้า ล่าสุดพบว่ามีคำสั่งย้าย รอง ผกก.(สอบสวน) สน.โชคชัยแล้ว ภายหลังนักแสดงสาวคนดังกล่าวร้องสื่อเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ถึงความคืบหน้าของคดี ได้รับการเปิดเผยว่า ล่าสุดทาง บก.น 4 มีคำสั่ง ให้รอง ผกก. ตำแหน่งสอบสวน ไปช่วยราชการที่ บก.น 4 แล้ว เพราะว่าวันที่ผู้เสียหายไปแจ้งความทางรอง ผกก.คนดังกล่าว ได้พูดจาลักษณะเบลมเหยื่อ (Victim Blaming) ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกกดดันและไม่อยากดำเนินคดี โดยพูดลักษณะว่าคดีไม่มีหลักฐานเพียงพอ พูดให้ผู้เสียหายท้อใจ จนผู้เสียหายต้องมาหาตน อีกทั้งยังมีการพูดในลักษณะว่าอย่าไปหาทนายความ หรือไปหาสื่อมวลชน ทำให้ผู้เสียหายเกิดความไม่มั่นใจว่าตำรวจจะดำเนินการให้อย่างตรงไปตรงมา ต้องขอขอบคุณทาง ผบก.น.4 ที่มีคำสั่ง ย้ายตำรวจนายนี้ออกไปจากการทำคดี ย้ายออกไปจากพื้นที่ก่อน ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาส่วนหนึ่งแต่ไม่ทั้งหมด
ส่วนกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนาของหญิงสาวรายหนึ่งโทรมาพูดคุยกับผู้เสียหายนั้น ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หลังจากนั้นได้มีการดำเนินการอะไรพิ่มหรือไม่ ทนายตั้ม เปิดเผยว่า ยังไม่มีแต่เห็นมีการให้สัมภาษณ์จากอีกฝ่ายว่า อยากให้ผู้เสียหายไปดื่มน้ำสาบานที่วัดพระแก้วมรกต ซึ่งทางตัวผู้เสียหายเองก็ยินดี แต่ทางฝ่ายผู้เสียหายเองก็มีข้อแม้ว่าอยากให้ทางฝั่งผู้ชายมาสาบานด้วยและถ้าใครโกหก “ก็ให้ชิบหายวายป่วงกันไปทั้งโคตร”
ทนายตั้ม เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับสภาพจิตใจของผู้เสียหายที่เป็นเหยื่อ ตอนนี้ก็ยังอยู่ในสภาวะย่ำแย่ โดยน้องที่เป็นเหยื่อกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนความกังวลในเรื่องของคดีนั้น ยังไม่ค่อยมั่นใจในเรื่องการทำงานของตำรวจ จากการที่มีหลักฐานสำคัญหายไป จึงทำให้ตนรู้สึกว่าคดีนี้น้องจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ก็เลยยังไม่มีความมั่นใจในการทำงานของตำรวจ สน.โชคชัย โดยคาดว่าวันจันทร์นี้ (29ส.ค.) จะเดินทางไปที่ บก.ป. เพื่อที่จะขอให้ให้ทาง ผบช.ก. เสนอขอ ผบ.ตร. ในการโอนสำนวนมาให้ บก.ป. ทำ
ทนายตั้ม ยังได้ฝากถึงผู้ต้องหาว่า เราเป็นผู้ชายเรากล้าทำก็ต้องกล้ารับ และอยากฝากไว้ว่าหากผู้หญิงไม่ยินยอม ก็อย่าไปขืนใจหรือทำอะไร เพราะจริงๆ แล้วก็มีศักยภาพที่จะสามารถไปหาคนที่ยินยอมได้ หรือจะไปซื้อกินหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มาทำแบบนี้กับคนที่ไม่อยากมีอะไรด้วย เหมือนคนเป็นโรคประสาท เป็นพวกโรคจิตชนิดหนึ่งที่ต้องมีอารมณ์กับคนที่ไม่ยอม ก็อย่าไปทำอย่างนี้กับใคร และก็ฝากไว้ว่า ทุกคนรู้แล้วว่าตัวผู้ก่อเหตุเป็นใคร และมีเหยื่อรายไหนที่เคยโดนกระทำลักษณะนี้ ให้เข้ามาปรึกษาได้ ยินดีเป็นสื่อกลางช่วยเหลือน้องที่เป็นเหยื่อทุกคน