‘บิ๊กปั๊ด’ สั่งเร่งสางคดีตำรวจสันติบาลหญิงทำร้ายร่างกายทหารหญิงได้รับบาดเจ็บ กำชับการปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยให้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนอย่างตรงไปตรงไปมา รองโฆษก ตร.ยัน ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์เหนือใคร
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 65 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าเพิ่มเติมกรณีตำรวจสันติบาลหญิงทำร้ายร่างกายทหารหญิงได้รับบาดเจ็บ ความคืบหน้าของ สภ.เมืองราชบุรี จว.ราชบุรี ในวันนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 5 ปาก โดยอยู่ระหว่างทำการสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม รวมถึงทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา รอผลการตรวจสุขภาพจิตของผู้ต้องหาและผลการตรวจพิสูจน์ของกลางจากกองพิสูจน์หลักฐานในพื้นที่เพื่อนำผลการตรวจมาประกอบสำนวนคดีตามขั้นตอนต่อไป
ในส่วนของ สภ.ชะอำ จว.เพชรบุรี พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างทำการสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมรวมถึงรอผลการตรวจร่างกายผู้เสียหายและทำการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาที่เรือนจำจังหวัดราชบุรี รวมถึงรอผลการตรวจพิสูจน์และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องประกอบสำนวนคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับการปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยให้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนอย่างตรงไปตรงไปมา ด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้งเพื่อป้องกันให้สังคมเกิดความสับสนและเสียรูปคดี จึงขอความร่วมมือติดตามข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น
รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า การดำเนินคดีทางอาญาพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งรัดทำการสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม รอผลการตรวจพิสูจน์ที่เกี่ยวข้อง และทำการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย และจะเร่งรัดสรุปสำนวนการสอบสวนเพื่อส่งให้กับพนักงานอัยการดำเนินการตามขั้นตอนตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายได้กำหนด ในส่วนของการดำเนินการทางวินัย กองบัญชาการตำรวจสันติบาล คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงอยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง และสำนักงานงบประมาณและการเงินสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเข้ารับราชการอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามมาตรฐานเดียวกัน ภายใต้กรอบกฎหมายที่ได้ให้อำนาจไว้ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์เหนือใคร และกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องการกระทำผิดส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดภาพรวมทั้งหมดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ