หญิงวัย 66 ปี เล่านาทีระทึกลูกกอล์ฟหวิดโดนหัว หลัง ผอ.โรงเรียนที่ อ.เรณูนคร นครพนม เปิดหลักสูตรพิเศษ “สอนตีกอล์ฟ” ไม่ถามมติชุมชน ชาวเน็ตสวดยับ..!! อ้างว่าใช้สอนเด็ก แต่กลับใช้สนามฟุตบอลมาทำสนามกอล์ฟ แล้วมีแต่พรรคพวกตัวเองมาเล่น เด็กเตะบอลก็ไม่ได้บอกว่ามีสนาม รร.อื่นห่างไป 2 กม. หลังเกิดดราม่าจนนายก อบต. นำผู้นำท้องถิ่นลงพื้นที่หาข้อยุติ ล่าสุด ผอ.ยอมเลิกโครงการ เปลี่ยนเป็นสนามฟุตบอลเช่นเดิม
วันที่ 12 ก.ย. 2565 นายศักดิ์วิวัฒน์ คำป้อง อายุ 53 ปี นายก อบต.หนองย่างซิ้น อ.เรณูนคร จ.นครพนม เปิดเผยว่า จากกรณีมีข่าวดราม่าเกี่ยวกับการเปิดหลักสูตรพิเศษสอนตีกอล์ฟให้นักเรียนของโรงเรียนบ้านหนองย่างซิ้นจนเป็นปัญหาความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านที่มีบ้านพักอาศัยใกล้เคียงจนเกิดข้อพิพาท โดยก่อนนี้ตนยืนยันว่า เป็นการหารือภายในโรงเรียน ยังไม่มีการประชาพิจารณ์ลงมติจากชาวบ้าน แต่จากการสอบถามชาวบ้านส่วนใหญ่ ยอมรับว่าไม่เห็นด้วย เนื่องจากพื้นที่เดิมเป็นสนามกีฬาฟุตบอล และไม่มีความเหมาะสมที่จะทำเป็นสนามกอล์ฟ จึงได้หารือร่วมกับทางคณะผู้บริหารสถานศึกษา และตัวแทนชาวบ้าน ได้ข้อยุติ ทางผู้อำนวยการโรงเรียนยิมยอมที่จะยกเลิกการเปิดสอนหลักสูตรพิเศษตีกอล์ฟเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับชุมชน และต้องการให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสนามกีฬาฟุตบอลให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ร่วมกัน ทั้งนี้ยอมรับผู้อำนวยการโรงเรียนมีเจตนาดีในการอยากสร้างโอกาสให้กับลูกหลานเยาวชน แต่เมื่อเกิดปัญหาจึงยินยอมที่จะหาข้อยุติจบด้วยดี และยอมคืนพื้นที่ให้กับลูกหลานเยาวชน และชุมชน ลดความขัดแย้ง
นางอรทัย รัตนวงษา อายุ 51 ปี กำนันตำบลหนองย่างซิ้น เปิดเผยว่า ยอมรับในเจตนาของผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีความตั้งใจ อยากให้กีฬากอล์ฟเป็นโอกาส เป็นทางเลือกในการส่งเสริมกีฬาให้ลูกหลานเยาวชน ได้มีโอกาสเล่นกีฬากอล์ฟ ก้าวสู่นักกีฬาอาชีพในอนาคต แต่เกิดปัญหาเนื่องจากพื้นที่ไม่เหมาะสม เพราะใช้สนามฟุตบอลในการเปิดการสอนและเสี่ยงเกิดอันตรายต่อชาวบ้าน ดังนั้นจึงได้หารือตกลงหาข้อยุติกันจนลงตัว เพราะก่อนนี้ไม่มีการหารือความเห็นชาวบ้าน และชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย จึงต้องขอให้งดเปิดการสอน โดยทางคณะผู้บริหารโรงเรียน รวมถึงชาวบ้านเข้าใจกันดีและหาข้อสรุปคือทางโรงเรียนของดการสอน ให้ใช้สนามกีฬาฟุตบอลตามปกติ
ด้าน นางลัดดาวัลย์ บางศิริ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 หมู่ 4 ต.หนองย่างซิ้น อ.เรณูนคร ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เปิดเผยว่า สร้างบ้านอยู่ติดกับโรงเรียนมานานกว่า 50 ปี อาศัยทำมาหากินขายของมาตลอด จนกระทั่งล่าสุดไม่นานมานี้ ได้ข่าวว่า ทางโรงเรียนจะเปิดหลักสูตรการสอนตีกอล์ฟ และไม่มีการสอบถามความคิดเห็นชุมชนก็ยังกังวลเรื่องความปลอดภัย จนกระทั่งไม่กี่วันที่ผ่านมา มีลูกกอล์ฟปริศนาพุ่งเข้ามาในบ้านหลายลูก เฉียดหัวตนและหลานสาว โชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงไปแจ้งความให้ตำรวจ สภ.เรณูนคร มาตรวจสอบ และเก็บลูกกอล์ฟไว้เป็นหลักฐาน 4-5 ลูก อย่างไรก็ตาม ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการเปิดกีฬากอล์ฟ เพราะเป็นสนามฟุตบอล ที่ลูกหลานเคยใช้ออกกำลังกาย เล่นกีฬา แต่สุดท้ายมาเป็นสนามตีกอล์ฟ จะต้องหลบลูกกอล์ฟทุกวัน มีเพียงตาข่ายไม่กี่เมตร นำมากั้น ไม่สามารถป้องกันได้ หากทางโรงเรียนยอมยุติ ตนก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเป็นความปลอดภัยของครอบครัว
ส่วน นายภานุวัฒน์ ธงยศ อายุ 58 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านหนองย่างซิ้น เปิดเผยว่าหลักสูตรสอนกอล์ฟ เป็นหลักสูตรกีฬาทางเลือก ที่คิดกันภายในผู้บริหาร คณะกรรมการสถานศึกษา เพื่อเป็นทางเลือกส่งเสริมลูกหลาน ได้มีโอกาสในการเล่นกีฬาเป็นอาชีพในอนาคต แต่เป็นเพียงการนำร่อง ทดลองใช้พื้นที่สนามฟุตบอลของโรงเรียนบางส่วน เป็นสนามไดรฟ์กอล์ฟ ยอมรับยังไม่ได้สอบถามความคิดเห็นชุมชน แต่ได้พยายามหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับชาวบ้าน และมีบางส่วนเกิดความผิดพลาด น้อมรับในปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมที่จะแก้ไขปัญหา และขอให้เป็นมติชุมชน เมื่อชุมชนไม่เห็นด้วย ไม่ต้องการ ก็ขอยุติหลักสูตรดังกล่าว และเปลี่ยนแปลงหาหลักสูตรเสริมที่สอดคล้องกับชุมชน ขอให้ชาวบ้านในพื้นที่อุ่นใจ ทางโรงเรียนเอาชุมชนเป็นหลัก หากโครงการไหนกระทบต่อชุมชน จะไม่มีการดำเนินการอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทวิตเตอร์ @RedSkullxxx โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า “ผอ.โรงเรียน..กอล์ฟ แต่เอามาอ้างว่าใช้สอนเด็ก ใช้สนามฟุตบอลมาทำสนามกอล์ฟ แล้วมีแต่พรรคพวกตัวเองมาเล่น เด็กเตะบอลก็ไม่ได้บอกว่ามีสนาม รร.อื่นห่างไป 2 กม.ให้ไปเล่นที่นั่น ตอนย้ายมาใหม่ๆก่อนสร้างสนามถึงกับเอาเสาประตูฟุตบอลมาเชื่อมติดกันไม่ให้เด็กเล่น”
ขณะที่ชาวเน็ตต่างเข้ามาบอกว่าเป็นโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครพนม และวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าว อาทิ ฟุตบอลกับกอล์ฟแกว่าอะไรจะเข้าถึงเด็กธรรมดามากกว่ากัน เห็นแก่ตัวเนอะแต่อย่างว่าระบบ…นี่…กลืนคนไปหมด ถ้าไม่อยู่แบบเงียบๆ ก็ต้องออกไปทำอย่างอื่นไม่งั้นก็เข้าร่วมสันดานนี้…เนอะ, สภาพ รร แบบนี้ แต่ทำสนามกอล์ฟ จะบ้าตาย, ใช้งบสนองตัณหาตัวเอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำงานแล้วหละ เป็นต้น