สอบเข้ม ‘จ่าคลั่ง’ 7 ชั่วโมง ให้การวกวน สับสนในข้อเท็จจริง เตรียมเชิญเเพทย์ที่เคยรักษาอาการทางสมอง มาสอบปากคำ ยังไม่ชัดมีอาการทางจิตหรือไม่ เผยน้อยใจคนในองค์กรโดยเฉพาะนายทหาร ไม่ให้การยอมรับ เนื่องจากตนเป็นรุ่นพี่ ด้านรองโฆษก ทบ. ชี้แจงมูลเหตุอาจเกิดจากความเครียด-ปัญหาสุขภาพ ไม่เกี่ยวความสัมพันธ์กับเหยื่อ รอ จนท.ตร.สรุปแรงจูงใจ ยัน ทบ.พร้อมให้ความร่วมมือ
กรณี จ.ส.อ.ยงยุทธ มังกรกิม ตำแหน่งเสมียน วิทยาลัยการทัพบก อายุ 59 ปี พกอาวุธปืนไม่ทราบชนิด เข้ามาในหน่วยงาน และใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งกำลังปฏิบัติงานอยู่ในสำนักงาน เป็นเหตุให้นายทหารชั้นประทวนได้เสียชีวิต 2 นาย ได้แก่ จ.ส.อ.นพรัตน์ (สงวนนามสกุล) ตำแหน่งเสมียน วิทยาลัยการทัพบก และ จ.ส.อ.ประการ (สงวนนามสกุล) ตำแหน่งเสมียน วิทยาลัยการทัพบก และมีผู้บาดเจ็บ 1 นาย
โดยเบื้องต้น พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องของสาเหตุอาจจะต้องใช้เวลาที่จะมาเป็นองค์ประกอบ ทั้งนี้เรื่องของสภาพร่างกาย และจิตใจของผู้ก่อเหตุด้วย รวมถึงปัจจัยอื่นๆ
ทั้งนี้หน่วยต้นสังกัดให้ข้อมูลว่าอาจจะเกิดจากความเครียดและปัญหาทางสุขภาพ ของผู้ก่อเหตุ ส่วนความสัมพันธ์ของผู้ก่อเหตุกับเหยื่อ ชี้แจงว่าหากดูจากพฤติกรรมการก่อเหตุ มีลักษณะว่าเมื่อเจอใครก็จะดำเนินการ ไม่ได้มีลักษณะของการทะเลาะเบาะแว้ง ซึ่งอาจจะเป็นในด้านของสภาพจิตใจของผู้ก่อเหตุมากกว่าที่อาจจะมีสาเหตุมาจากสุขภาพร่างกายของเขา
ทั้งนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้ หน่วยต้นสังกัดดำเนินการเกี่ยวกับผู้บาดเจ็บ ให้ดูแลอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ที่เสียชีวิต ก็จะอำนวยความสะดวกต่างๆ ในเรื่องของการจัดการพิธีศพ รวมถึงในเรื่องของทางคดีและสถานที่เกิดเหตุ ที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทหารก็ได้อยู่ในระหว่างรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน และยืนยันว่าในส่วนของกองทัพบกนั้น จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการสืบสวนสอบสวน ให้คลี่คลายข้อมูลต่างๆ ที่เป็นเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดการก่อเหตุครั้งนี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ก.ย.65 ที่ สน.ดุสิต พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากการสอบปากคำ จ.ส.อ.ยงยุทธ มังกรกิม ผู้ต้องหากว่า 7 ชั่วโมง (10.00-17.00 น.) ตอนนี้ผู้ต้องหายังให้การวกวน และสับสนในข้อเท็จจริง เบื้องต้นมีการสอบปากคำไปกว่า 10 ปาก ทั้งเพื่อนร่วมงานและครอบครัว ซึ่งให้การเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยหลังจากนี้จะเชิญแพทย์ที่เคยให้การรักษาอาการทางสมองของผู้ต้องหา มาสอบปากคำ เพื่อประกอบการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากมีการกล่าวอ้างถึงประวัติการรักษา ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ผู้ต้องหามีอาการทางจิตหรือไม่ ต้องรอการประเมินจากแพทย์
โดยตอนนี้ ผู้ต้องหาจะต้องอยู่ในความดูแลของตำรวจ ซึ่งตำรวจมีอำนาจควบคุมตัว 48 ชั่วโมง ก่อนจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลทหาร และพนักงานสอบสวนมีเวลา 84 วัน ในการสรุปสำนวนส่งอัยการศาลทหาร ซึ่งจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน
อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาทางสมองของ จ.ส.อ.ยงยุทธ ได้รับกระทบกระเทือน เนื่องจากอุบัติเหตุในระหว่างเดินทางไปฝึกอบรมหลักสูตรเลื่อนขั้นของกองทัพ ซึ่งผลจากการผ่าตัด ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ และเจ้าตัวยังมีอาการน้อยใจคนในองค์กรโดยเฉพาะนายทหาร ไม่ให้การยอมรับ เนื่องจากตนเป็นรุ่นพี่ และอีก 2 ปี ก็จะเกษียณอายุราชการ จนถึงขั้นเคยถูกเสนอชื่อย้ายออกจากหน่วย แต่ก็ยังไม่ได้มีการย้ายแต่อย่างใด ซึ่งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็มีอาการฉุนเฉียว แต่ยังสามารถพูดคุยให้สงบสติอารมณ์ได้
