วันอาทิตย์, พฤษภาคม 19, 2024
หน้าแรกสืบเศรษฐกิจการเงิน“สิ้นหวัง” ปราบโจรตลาดทุน

Related Posts

“สิ้นหวัง” ปราบโจรตลาดทุน

“…เลขาธิการ ก.ล.ต. มีแล้วถึง 7 คน ยังไม่เคยมีเลขาธิการ ก.ล.ต.คนใด ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้น เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ปลอดจากกลุ่มอาชญากรที่ปล้นนักลงทุนได้ แก๊งมิจฉาชีพในตลาดหุ้นต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก ต่างกับเอกชนเด็กดีในโอวาท กลับมุ่งจัดระเบียบอย่างเข้มงวด จนขยับตัวลำบาก แต่เวลาประชาชนเรียกร้องให้ช่วย กระทืบ โจรเถื่อนในวงการบางราย กลับ พินอบพิเทา มิน่า บ้านเมืองนี้ เอกชนเกิดใหม่ถึงถูกบอนไซ ระวังคนจะชี้หน้า  พวกเส้นใหญ่ถึงครองเมือง

ก.ล.ต. ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กับผลงานชิ้นโบว์ดำ ควบคุมตลาดหุ้นมา 30 กว่าปี แต่คราบอาชญากรรมในตลาดหุ้น ยังส่งกลิ่นคาวคลุ้ง เพราะยังมีมิจฉาชีพแฝงตัวเกาะเกี่ยวอาชีพในวงการตลาดหุ้น ทำมาหากินอยู่ไม่น้อย  ส่วน ก.ล.ต.ไม่แสดงจุดยืนปราบปรามอย่างจริงจัง  ใช้เวลาไปกับการตรวจวงการคริปโตเคอร์เรนซี่ ตามกระแสนิยม ภาพสะท้อนน่าผิดหวัง คือ กลโกงวิศวะกรรมทางการเงินสารพัด ผุดขึ้นวันแล้ววันเล่า เพื่อทำราคาหุ้น  ไม่เว้นแม้แต่วงการคริปโตฯ บางบริษัทใช้เงินลูกค้าไปหากินต่างประเทศ นักลงทุนเจ๊งระเนระนาด ทั้งที่ผิดกฎหมาย แต่ ก.ล.ต. บอกไม่เคยรู้มาก่อน เป็นพฤติการณ์นอกกฎระเบียบ ทำนองโจรในคราบนายหน้า สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง  ซึ่งควรจะให้ความสำคัญ ปราบก่อน? กลับชักช้า ส่วนงานที่ผู้ประกอบการทำตามระเบียบกติกา กลับเล่นแง่ เตะตัดขาอยู่ตลอดเวลา

ผลงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ  ก.ล.ต. ที่จัดการกับบริษัทที่อยู่ในกรอบ ไม่ใช่ช่องทางเถื่อนๆ ทำธุรกิจ ล่าสุดการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย ได้แก่ (1) บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (บริษัทบิทคับ) (2) นายอนุรักษ์ เชื้อชัย (นายอนุรักษ์) และ (3) นายสกลกรย์ สระกวี (นายสกลกรย์) กรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Bitkub (ศูนย์ซื้อขาย Bitkub) ของบริษัทบิทคับ

โดยการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ให้ชำระเงินรวม 24,161,292 บาท รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร และห้ามนายอนุรักษ์และนายสกลกรย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นระยะเวลา  6 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นระยะเวลา 12 เดือน ตามข่าว ก.ล.ต. ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 

แต่เนื่องจากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด จึงพิจารณาได้ว่า ผู้กระทำความผิดดังกล่าวไม่ยินยอมที่จะระงับคดีในชั้น ก.ล.ต. ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวมทั้งสิ้น 24,161,292 บาท และกำหนดห้ามนายอนุรักษ์และนายสกลกรย์ ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร ในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ โดยให้นายสกลกรย์ร่วมรับผิดในมาตรการลงโทษทางแพ่งกับบริษัทบิทคับอย่างลูกหนี้ร่วม

ในชั้นนี้ ก.ล.ต. เลือกฟ้องดำเนินคดี ในขั้นสูงสุดตามกฎหมายกำหนด ทั้งที่การทำปริมาณการซื้อขายนั้น ทั่วโลกก็มีการกระทำในลักษณะเดียวกัน ในช่วงเริ่มต้นที่สินค้าชนิดนั้นๆ เกิดใหม่ เพื่อให้เกิดสภาพคล่องการซื้อขาย นักลงทุนสามารถแลกเปลี่ยนสินค้าได้คล่องมือ และยังไม่ปรากฎว่าพฤติกรรมการทำปริมาณการซื้อขายเทียมที่ว่านั้น ได้สร้างความเสียหายให้ใคร แต่ประการใดหรือไม่?

เมื่อเทียบกับความเสียหายที่บริษัทนายหน้าคริปโตฯ แห่งหนึ่ง ได้เปิดแคมเปญฝาก ล็อคเหรียญ กินดอกเบี้ย โยกย้ายทรัพย์สินนักลงทุนไปต่างประเทศ โดยไม่มีกฎหมายควบคุม พฤติกรรมเถื่อนๆ เหล่านี้ ยังไม่มีผู้คุมกฎคนไหน กล้าแสดงความเป็นผู้นำปราบปราม ดำเนินคดีตามโทษสูงสุดของกฎหมาย ได้แต่ มะงุมมะงาหรา อยู่กับการปัดสวะ ไม่รับรู้ต้นสายปลายเหตุของความชิบหายทั้งป่วง แม้จะให้โทษมาตรการทางแพ่งปรับเงิน ก็เป็นเพียงจำนวนเศษ 1 ส่วน 10 ของมูลความเสียหายเท่านั้น มิน่าถึงถูกวิจารณ์ว่า วงการตลาดทุนยังมีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่ไม่น้อย ล้วนเป็นภาพสะท้อนจากผลงานของผู้คุมกฎอย่างหลีกหนีไม่ได้ อย่าว่าแค่ดำเนินคดีช่วยเหลือผู้เสียหาย เพียงแค่ใช้มาตรการเรียกดูข้อมูล ภาพปรากฎเหมือนอ้อนวอนก็ไม่ปาน

ล่าสุดบริษัทดังว่าที่ ก.ล.ต. ต้องอ้อนวอนขอข้อมูล จากการกระทำนอกกฎหมาย เอาเงินนักลงทุนไปละเลงต่างประเทศ ทำได้ดีที่สุดก็เพียงแค่ บอกให้นักลงทุนที่เจ๊ง รอต่อไป เพราะอยู่ระหว่างหาเงินมาหมุน  ทั้งแผนโครงสร้างหนี้  จัดประชุมออนไลน์ร่วมกับเจ้าหนี้  จนบัดนี้ยังไม่มีคำยืนยันว่าจะหาเงินลงทุน มาจะสะสางปัญหาหนี้อย่างไร!

ความทุกข์อย่างแสนสาหัสขอนักลงทุนคริปโตฯ รายย่อย ที่ผู้คุมกฎบอกไม่เคยปรึกษาหารือ นำมาซึ่งความเจ็บปวด แต่งานที่ตั้งใจก็คล้ายจะเก่งกับบรรดาเอกชนเด็กดี ซึ่งมักจะเล่นอยู่ในเกมส์…?

อีกเรื่องที่ ก.ล.ต. หมายหัวเอกชนที่เข้าตามตรอกออกตามประตู คือ มหกรรมเช็ดล้างเหรียญ KUB ที่ปล่อยก่อน ไล่กวดทีหลัง

ล่าสุดรายงานข่าวตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (คณะกรรมการ ก.ล.ต.) ในการประชุมครั้งที่ 7/2565 และครั้งที่ 10/2565 มีมติสั่งการให้บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) ดำเนินการแก้ไขการคัดเลือกและอนุมัติเหรียญ KUB เข้ามาให้บริการในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลภายในวันที่ 4 สิงหาคม 2565 หลังจากทางผู้ออกเหรียญ KUB แก้ไขมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจกต์เหรียญ KUB ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลของ Bitkub ได้พิจารณาไว้ (เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564) แล้ว และส่งหนังสือชี้แจงเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2565

คณะกรรมการ ก.ล.ต. ในการประชุมครั้งที่ 13/2565 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 ได้พิจารณาคำชี้แจงข้อเท็จจริงของ Bitkub และเอกสารหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว พบข้อเท็จจริงใหม่ว่า เทคโนโลยีของโปรเจกต์เหรียญ KUB มีระบบ adminTransfer  ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ผู้ไม่หวังดีจะสามารถโอนสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลใดๆ ได้

หากเข้าถึงสิทธิในระบบดังกล่าว อีกทั้งไม่ปรากฏการควบคุมเชิงเทคนิค (technical control) จึงพิจารณาได้ว่า การที่ Bitkub ให้บริการซื้อขายเหรียญ KUB ซึ่งมี adminTransfer ที่ยังไม่ได้มีการคำนึงถึงความเสี่ยงตามที่กล่าวข้างต้น เป็นการดำเนินงานที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน

คณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 35 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 สั่งการให้ Bitkub แก้ไขการดำเนินการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน โดยประสานกับผู้ออกเหรียญ KUB ให้แก้ไขมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจกต์เหรียญ KUB และแก้ไขในส่วนของ adminTransfer เพื่อจำกัดผลกระทบในเชิงระบบจากความเสี่ยงต่อสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ถือเหรียญ KUB จากการเข้าถึงระบบดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยคำนึงถึงการแก้ไขในเชิงเทคนิค (by design) และการลดโอกาสการแทรกแซงของบุคลากร รวมทั้งให้ Bitkub แสดงหลักฐานเกี่ยวกับการแก้ไขดังกล่าวอย่างชัดเจนต่อ ก.ล.ต. ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2565 และให้ Bitkub เปิดเผยความเสี่ยงเกี่ยวกับ adminTransfer ของเหรียญ KUB บนเว็บไซต์ของ Bitkub ภายใน 3 วันนับแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2565

เหตุผลของ ก.ล.ต.แสดงออกถึงความห่วงใยใส่ใจต่อนักลงทุน แต่ช่างย้อนแย้งกับการจัดการกับกระดานเทรดบางราย ซึ่งเรื่องดังกล่าวประชาชนเสียหายหลายพันล้านบาท และยังไม่มีวี่แววว่าจะหาเม็ดเงินลงทุนหมุนเวียนได้อย่างไรในสภาพเศรษฐกิจดิ่งเหว ดอกเบี้ยสหรัฐมีเป้าหมายพุ่งขึ้น 4.5-5% ในปี 2566 ซึ่งทำให้เม็ดเงินในตลาดเสี่ยงสูง อย่างหุ้น และคริปโตฯ ถูกสูบเงินออกทุกวี่วัน

สุนันท์ ศรีจันทรา

นักข่าวหุ้นเบอร์ใหญ่อย่าง สุนันท์ ศรีจันทรา ถึงกับชม ก.ล.ต. ว่าเก่งแต่กับเรื่องการลงทุน แต่ไม่ชัดเจนเรื่องการปราบปรามมิจฉาชีพในวงการการลงทุนเอาเสียเลย…!

สุนันท์ ศรีจันทรา อธิบายบางช่วงบางตอนว่า ตั้งแต่ 30 ปีที่ผ่านมา มีเลขาธิการ ก.ล.ต.แล้วถึง 7 คน ประเมินผลงาน ก.ล.ต. งานด้านการพัฒนาตลาดทุนถือว่าสอบผ่าน โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่ถูกยกระดับสู่มาตรฐานสากล ขณะที่ตลาดหุ้นเติบใหญ่ จนมูลค่าหลักทรัพย์ตลาดรวมหรือมาร์เกตแคปมีจำนวน 18.84 ล้านล้านบาท มูลค่าซื้อขายปี 2564 เฉลี่ยวันละ 9.4 หมื่นล้านบาท

แต่ผลงานด้านการกำกับดูแลให้ตลาดทุนเป็นไปด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม ประชาชนผู้ลงทุนไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ก.ล.ต.ยัง “สอบไม่ผ่าน”

ทุกวันนี้ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยมิจฉาชีพ แฝงตัวในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน เจ้าหน้าที่บริษัทบริษัทโบรกเกอร์ ผู้บริหารบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทตรวจสอบบัญชี นักลงทุนรายใหญ่ นักวิเคราะห์หุ้น กูรูหุ้น หรือแม้กระทั่งแฝงตัวอยู่ในคราบสื่อ อาชญากรรมในตลาดหุ้นเกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งการยักย้ายถ่ายเทเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน การปั่นหุ้น การใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น การตั้งสำนักใบหุ้นหรือชี้นำหุ้น หลอกต้มนักลงทุน

สุนันท์ ยังอธิบายต่อไปว่า แต่อาชญากรที่สร้างความย่อยยับให้นักลงทุนกลับลอยนวล บางคนสร้างภาพเป็นนักบุญ บางคนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี มีชื่อเสียง มีฐานะทางสังคม และมีสมุนบริวารเสนอตัวรับใช้มากมายกลุ่มผลประโยชน์ในตลาดหุ้นมีองค์กรที่เข้มแข็ง มีอำนาจในการต่อรองเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง และเห็นได้ชัดจากการลุกฮือขึ้นต่อต้านการเก็บภาษีขายหุ้น จนกระทรวงการคลังต้องล้มเลิกการเก็บภาษี

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นผู้สนับสนุนองค์กรของกลุ่มผลประโยชน์ ไม่ว่าสภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สมาคมโบรกเกอร์ สมาคมบริษัทจดทะเบียน แต่องค์กรทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแทนประชาชนผู้ลงทุน ต่อสู้ปกป้องผลประโยชน์นักลงทุนแทบไม่มี หรือมีก็ตกอยู่ในสภาพเด็กที่เลี้ยงไม่โต เช่น สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ซึ่งไม่มีบทบาทใดในการปกป้องนักลงทุน

นอกจากนั้นบางช่วงยังระบุว่า เลขาธิการ ก.ล.ต.ทั้งอดีตจนคนปัจจุบัน มุ่งแต่ก้าวไปข้างหน้า เน้นหนักด้านการพัฒนา และทิ้งปัญหาไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะการกำจัดแก๊งมิจฉาชีพ ที่ซุ่มรอโอกาสเปิดปฏิบัติการปล้นเงินจากนักลงทุน ไม่มีธงนำในการทำลายล้างอาชญากร จนตลาดหุ้นเป็นศูนย์รวมของมิจฉาชีพ ซึ่งสามารถกอบโกยความมั่นคั่ง ร่ำรวยหลายพันล้านภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี

แต่ประชาชนผู้ลงทุนหลายล้านที่เข้ามาในตลาดหุ้นกลายเป็นนักแสวงโชค ซึ่งส่วนใหญ่อับโชค ต้องเอาเงินมาทิ้ง ถูกแก๊งมิจฉาชีพที่อาศัยในตลาดหลักทรัพย์โกงในรูปแบบต่างๆ ก้าวต่อไปของตลาดทุนไทยในทศวรรษหน้า ก.ล.ต.ควรต้องทบทวนบทบาทตัวเองใหม่ หันมาให้ความสำคัญกับมาตรการกำกับดูแลปกป้องนักลงทุนที่เข้มข้นมากขึ้น

แก๊งมิจฉาชีพในตลาดหุ้นต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก

เลขาธิการ ก.ล.ต. มีแล้วถึง 7 คน และไม่ว่าจะมีอุดมการณ์แน่วแน่ขนาดไหน ทุ่มเทเสียสละเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุนจริงจังเพียงใด แต่ยังไม่เคยมีเลขาธิการ ก.ล.ต.คนใด ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้น เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ปลอดจากกลุ่มอาชญากรที่ปล้นนักลงทุนได้

ยังไม่มีเลขาธิการ ก.ล.ต.คนใดที่สร้างวีรกรรมจนได้รับการจดจำ และยังไม่มีใครเป็นวีรบุรุษในหัวใจของประชาชนผู้ลงทุน

สภาพการณ์เช่นนี้ส่งผลให้ประชาชน และนักลงทุนรายย่อย ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร

แม้หาความรู้ ไปเสี่ยงรับโอกาส แต่ความเสี่ยงนอกสายตา ซึ่งแม้แต่ผู้คุมกฎยังมองไม่เห็น

มุ่งจัดระเบียบอย่างเข้มงวด แบบชักเข้าชักออก กับเอกชนเด็กดีในโอวาท จนขยับตัวลำบาก

แต่เวลาประชาชนเรียกร้องให้ช่วย กระทืบโจรเถื่อนในวงการบางราย กลับ พินอบพิเทา

มิน่า บ้านเมืองนี้ เอกชนเกิดใหม่ถึงถูกบอนไซ ระวังคนจะชี้หน้า  พวกเส้นใหญ่ถึงครองเมือง…!

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts