วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกสืบเศรษฐกิจการเงินปรากฏการณ์ “หุ้น MORE” 4.5 พัน ล. ดันรายย่อยหนีลงทุนโลกใหม่ โจทย์ใหญ่ ก.ล.ต.ต้องปกป้องด้วยความรัดกุม

Related Posts

ปรากฏการณ์ “หุ้น MORE” 4.5 พัน ล. ดันรายย่อยหนีลงทุนโลกใหม่ โจทย์ใหญ่ ก.ล.ต.ต้องปกป้องด้วยความรัดกุม

“…รายการซื้อขายหุ้น MORE ที่เกิดขึ้นในปริมาณที่มาก โบรกเกอร์เริ่มรู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น ได้เข้าหารือกับ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อร่วมหาทางออกและให้คำสั่งซื้อดังกล่าวเป็นโมฆะ และ AI ของตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะตรวจจับได้ แต่ทาง ก.ล.ต.มองว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของโบรกเกอร์ หากทำให้รายการเป็นโฆฆะจะกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ที่ทำรายการด้วย จนโบรกกเกอร์หลายรายต้องกลายเป็นแพะรับบาป รับผิดชอบเคลียร์ริ่งมูลค่าการซื้อขายหุ้น MORE หลายพันล้านบาท ทำให้รู้ว่าตลาดทุนยังมีช่องโหว่ให้ฉ้อฉล จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก จะหันไปแสวงหาการลงทุนโลกใหม่อย่าง คริปโตเคอร์เรนซี เพราะขนาดตลาดหุ้นไทยที่เปิดดำเนินการมานานกว่า 47 ปี ยังควบคุมไม่ได้เลย ทั้งที่มีระบบ AI คอยตรวจสอบ ….”

“หุ้น MORE” จำนวน 1.5 พันล้านหุ้น มูลค่าการซื้อขาย 4.5 พันล้าน ทำวงการหุ้นดังกระฉูดชั่วข้ามคืน ชนิดที่แม้แต่คนที่ไม่เล่นหุ้น ไม่เข้าใจการซื้อหุ้น ยังต้องตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้น

มหกรรมการซื้อขายหุ้น “MORE” ที่โบรกเกอร์บางคนใช้คำว่า “ปล้นกลางแดด” เนื่องจากเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะไม่เคยมีใครที่จะกระทำการแบบนี้ ที่มาทำรายการซื้อขายและจะชิ่งไม่ยอมจ่ายเงิน โดยทิ้งภาระให้เป็นหน้าที่ของโบรกเกอร์ที่ต้องทำหน้าที่ในการเคลียริ่งหุ้น 4.5 พันล้านบาท

หนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็คือ รายการซื้อขายหุ้น MORE เมื่อวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.65) มีการตั้งคำสั่งซื้อ (ATO) ที่ราคา 2.90 บาท มีปริมาณการซื้อขายที่  1,531.77 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 4,442.13 ล้านบาท รายการซื้อขายหุ้น MORE ที่เกิดขึ้นในปริมาณที่มาก ซึ่งกรณีปกติแบบนี้จะเป็นรายการซื้อขายรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) ทำให้โบรกเกอร์ที่รับคำสั่งซื้อ เริ่มรู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น และเริ่มตรวจสอบโบรกเกอร์ด้วยกันจึงรู้ว่าคำสั่งซื้อ ATO ที่ 2.90 บาท  กระจายจากโบรกเกอร์ประมาณ 14-20 ราย เพราะเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำหนดว่าลูกค้าแต่ละรายไม่สามารถสั่งซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งในแต่ละครั้งได้เกิน 20 ล้านหุ้นได้ ตัวแทนโบรกเกอร์ได้เข้าหารือกับสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อร่วมหาทางออกและให้คำสั่งซื้อดังกล่าวเป็นโมฆะ เพราะเห็นว่า หุ้น MORE  มีสภาพการซื้อขายที่ผิดปกติ โดยเหล่าโบรกเกอร์มองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น AI ของตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะตรวจจับได้ แต่ทาง ก.ล.ต.มองว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของโบรกเกอร์ หากทำให้รายการเป็นโฆฆะจะกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ที่ทำรายการด้วย

แม้เหตุผลของ ก.ล.ต.จะฟังดูมีน้ำหนัก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจนโบรกกเกอร์หลายรายต้องกลายเป็นแพะรับบาป รับผิดชอบเคลียร์ริ่งมูลค่าการซื้อขายหุ้น MORE หลายพันล้านบาท ทำให้รู้ว่าตลาดทุนยังมีช่องโหว่ให้ฉ้อฉล กลายเป็นชิ้นเนื้อร้าย ตีหัวโบรกเกอร์ผ่านหุ้น MORE ระบบ AI ตรวจสอบบัญชีซื้อขายผิดปกติมีไว้ทำไม ถ้าไม่เปิดเผยข้อมูลอย่างทันท่วงที

เหตุการณ์หุ้น MORE ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน หากยังมีช่องโหว่ให้ทุนโบรกเกอร์ใหญ่และทุนปั่นบางรายเข้ามาชิงความได้เปรียบ หักเหลี่ยมเฉือนคมจนนักลงทุนรายย่อยกลายเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟ

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก จะหันไปแสวงหาการลงทุนโลกใหม่อย่าง คริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะกระดานเทรดคริปโตในต่างประเทศที่อยู่เหนือการควบคุมของ ก.ล.ต. ซึ่งหากเกิดความผันผวนขึ้นก็ยากจะเข้าไปบริหารจัดการ แต่ก็เป็นธรรมดา ถ้าของในบ้านไม่ดี ไม่อร่อย ติดกฎระเบียบหยุมหยิม ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมคนไทยโหยหาสินค้าใหม่นอกบ้าน

เพราะเข้าถึงง่าย เครื่องมืออำนวยความสะดวกครบครัน และกระดานซื้อขายต่างประเทศไม่มีเกณฑ์การซื้อขายขั้นต่ำ เมื่อนักลงทุนหนีไปเทรดกระดานนอก เหรียญนอก ก.ล.ต. เอื้อมไม่ถึง โอกาสความเสียหายของนักลงทุนไทยก็ยิ่งเสี่ยงตาม อย่าชี้หน้าว่านักลงทุนเจ๊งกันเพราะศึกษาน้อย เพราะขนาดทุนใหญ่ยังหลวมตัวเข้าไปจับมือกับกระดานเทรดเมืองนอกจนเกือบเสียหายมาแล้ว ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูธุรกิจนี้ ควรเน้นการส่งเสริมแบบไม่เลือกที่รัก มักที่ชัง เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งธุรกิจที่เป็นของคนไทย และ ธุรกิจข้ามชาติ

หากจะทำให้วงการลงทุนคริปโตเดินต่อไปได้อย่างมั่นคงและสง่างาม คือการให้ความรู้การลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพราะสิ่งสำคัญกว่ากฎระเบียบก็คือ “การสร้างภูมิคุ้มกัน” การสร้างความเข้าใจเรื่องการลงทุนคือสิ่งสำคัญที่สุด หากนักลงทุนมีความเข้าใจอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะลงทุน 10 บาท 100 บาท 5,000 บาท หรือ 50,000 บาท ก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะนักลงทุนมีความตระหนักรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำนั้นเป้าหมายคืออะไร อาจต้องบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตตั้งแต่ระดับมัธยม เพื่อให้เยาวชนมีวัคซีนการลงทุน มีความเข้าใจ มีความตระหนัก และลงทุนในรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวเอง มีเงินเก็บหรือช่องทางการลงทุนยามเกษียณ

ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลก็สนับสนุนการลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ แต่ก็ได้เตือนประชาชนให้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี โดยย้ำว่านักลงทุนควรศึกษาให้รอบคอบก่อนการลงทุน และตรวจสอบว่าผู้ขายอยู่ในข่ายที่ต้องได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. หรือไม่ หากเข้าข่าย ได้รับอนุญาตแล้วหรือยัง ที่สำคัญควรตรวจสอบชื่อเว็บไซต์และรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจให้ครบถ้วนทุกตัวอักษร เพื่อป้องกันมิจฉาชีพปลอมแปลง

แนวทางการประชาสัมพันธ์ดังกล่าว ถือเป็นเรื่องที่ดีในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับนักลงทุนและประชาชนทั่วไปว่า หากจะลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ ควรพิจารณาอย่างถ้วนถี่ ไม่ใช่เฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัล แต่การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยงทั้งสิ้น ยิ่งผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงยิ่งสูง การให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนคือสิ่งที่ควรทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจนี้เติบโตมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อประชาชนมีความเข้าใจใน “แก่น” ของสินทรัพย์ดิจิทัล ก็จะพิจารณาลงทุนตามรูปแบบที่เหมาะกับตัวเอง ไม่ใช่การเข้ามาลงทุนแบบหวังรวยเพียงเพราะเห็นคนอื่นลงทุนแล้วรวย หรือได้รับคำแนะนำจากคนรู้จัก ซึ่งคนแนะนำอาจแนะนำด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ผู้ถูกชักชวนก็ต้องศึกษา เรียนรู้ พิจารณาความเหมาะสมอย่างถ้วนถี่ ก่อนควักกระเป๋าลงทุน

เพราะฉะนั้น หาก ก.ล.ต. ตระหนักได้ถึงการตรวจสอบที่โปร่งใส และสนับสนุนวงการกระดานเทรดคริปโตไทย ต่างชาติอย่างเท่าเทียม วงการคริปโตไทยจะได้เติบโตภายในการดูแลอย่างเท่าเทียมจริงๆ แต่ถ้ายังมีเงื่อนไขบางอย่างลักลั่น อาทิ exchange นอกสร้าง vollume เทรดเทียม ไม่เคยโดนสอบสวน ไม่เคยโดนลงโทษ ขณะที่ exchange ไทยกลับโดนลงโทษ หากทำแบบเดียวกัน ไม่มีมาตรการชัดเจนที่ไปจัดการกับ Exchange นอกที่ไม่อยู่ภายใต้กำกับของ ก.ล.ต. ทำให้ exchange นอกเหล่านี้ได้เปรียบ ไม่ต้องเล่นตามกฎ แถมยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ exchange ไทยไม่สามารถมีได้ เช่น Future ก็จะเป็นการผลักไสให้นักลงทุนโดนบีบจนต้องไปแสวงหากระดานเทรดของต่างประเทศ จนไม่สามารถควบคุมได้ เพราะขนาดตลาดหุ้นไทยที่เปิดดำเนินการมานานกว่า 47 ปี ยังควบคุมไม่ได้เลย ทั้งที่มีระบบ AI คอยตรวจสอบ ดังปรากฏการณ์ “หุ้น MORE” 4.5 พัน ล. ที่กลายเป็นหนึ่งในแรงขับนักลงทุนรายย่อยหนีไปสู่การลงทุนโลกใหม่อย่างคริปโตเคอร์เรนซี

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts